คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6203/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ล. เจ้าของถ่าน ไม้ของกลางได้ครอบครองถ่าน ไม้ของกลางอยู่ด้วยตนเอง จำเลยเป็นเพียงผู้รับจ้างขับรถยนต์บรรทุก ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการครอบครองถ่าน ไม้ของกลาง จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยร่วมกระทำผิดกับ ล. และจำเลยไม่รู้ว่า ล. ไม่มีใบเบิกทางและไม่รู้ว่าถ่าน ไม้ของกลางมีปริมาณเกินกว่าที่กำหนดตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2526 จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน ล. เมื่อจำเลยไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้อง รถยนต์ของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์ที่จำเลยได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิด จึงริบไม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับนายล้ำร่วมกันมีถ่านไม้ซึ่งเป็นของป่าหวงห้ามจำนวน 3.33 ลูกบาศก์เมตรไว้ในครอบครองอันเกินกว่าปริมาณที่กำหนดให้บุคคลมีไว้ในครอบครองโดยไม่ต้องขอรับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เจ้าพนักงานจับจำเลยพร้อมยึดถ่านไม้ดังกล่าวและรถยนต์ซึ่งใช้บรรทุกถ่านไม้ดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 29 ทวิ, 71 ทวิ, 74, 74ทวิ ฯลฯ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 29 ทวิ, 71 ทวิ, 72, 74 และ 74 ทวิ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 18 พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2522 มาตรา 5, 9 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่116 ลงวันที่ 10 เมษายน 2515 ข้อ 2 พระราชกฤษฎีกากำหนดของป่าหวงห้าม พ.ศ. 2505 ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดปริมาณของป่าหวงห้ามฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 ลงวันที่ 20 กรกฏาคม2526 ให้ปรับ 2,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับบังคับตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ เฉพาะรถยนต์ของกลางไม่ริบแต่ให้ริบถ่านไม้ของกลาง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า วันเกิดเหตุนายล้ำหมอยาทิตย์ จ้างจำเลยขับรถยนต์กระบะของกลางไปซื้อของทะเลที่จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อขับรถไปถึงตลาดอ้อมน้อยนายล้ำเห็นถ่านไม้บรรจุกระสอบกองขายอยู่ข้างทางจึงสั่งให้จำเลยจอดรถ แล้วนายล้ำได้ไปซื้อถ่านไม้จำนวน 20 กระสอบขึ้นบรรทุกรถยนต์และสั่งให้จำเลยขับรถยนต์กลับ เมื่อจำเลยขับรถยนต์ผ่านหน้าสถานีตำรวจภูธรตำบลพุทธมณฑล จำเลยและนายล้ำก็ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับ เจ้าพนักงานตำรวจได้ยึดถ่านไม้และรถยนต์ที่จำเลยขับเป็นของกลาง และถ่านไม้ของกลางเป็นของป่าหวงห้ามปริมาณ 3.33 ลูกบาศก์เมตร เกินกว่ากำหนดปริมาณมีไว้ในความครอบครองเพื่อการค้าหรือมีไว้ในความครอบครองเพื่อใช้สอยในครัวเรือนแห่งตนโดยไม่ต้องรับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2526 มีปัญหาจะต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า นายล้ำเป็นเจ้าของถ่านไม้ของกลางและได้ครอบครองถ่านไม้ของกลางอยู่ด้วยตนเองในขณะเกิดเหตุ จำเลยแม้จะเป็นผู้ขับขี่รถยนต์ซึ่งบรรทุกถ่านไม้ก้เป็นแต่เพียงผู้รับจ้างนายล้ำบรรทุกเพื่อประโยชน์ที่จะได้รับค่าจ้างจากนายล้ำเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าจำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการครอบครองถ่านไม้ของกลาง จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยร่วมกระทำผิดกับนายล้ำตามฟ้อง และข้อเท็จจริงได้ความว่านายล้ำลงจากรถไปซื้อถ่านไม้ของกลางซึ่งวางขายอยู่ที่ตลาดอ้อมน้อย และนำมาบรรทุกรถยนต์โดยเปิดเผยแล้วบอกให้จำเลยขับรถกลับ จำเลยย่อมไม่ทราบว่าของกลางเป็นของผิดกฎหมาย และโจทก์ก็ไม่มีพยานมาสืบให้เห็นว่าขณะที่จำเลยรับบรรทุกถ่านไม้นั้นจำเลยได้รู้ว่านายล้ำไม่มีใบเบิกทางและนายล้ำครอบครองถ่านไม้เกินกว่าปริมาณที่กำหนดตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2526 จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนนายล้ำ ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นสำหรับปัญหาเรื่องริบของกลาง โจทก์ฎีกาว่าจำเลยใช้รถยนต์บรรทุกถ่านไม้เคลื่อนที่ไปโดยไม่มีใบเบิกทาง เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการกระทำความผิดตามกฎหมายอาญา ต้องรับผิดนั้น โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีถ่านไม้ซึ่งเป็นของป่าหวงห้ามไว้ในความครอบครองเกินกว่าปริมาณที่กำหนดให้บุคคลมีไว้ในความครอบครองโดยไม่ต้องขอรับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประกาศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นว่าเมื่อฟังได้ว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิดตามฟ้องรถยนต์ของกลางจึงมิใช่ทรัพย์ที่จำเลยได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิด จึงริบรถยนต์ของกลางไม่ได้…”
พิพากษายืน.

Share