คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6201/2550

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยยื่นอุทธรณ์ ในระหว่างส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ จำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์ จึงให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ คดีเสร็จการพิจารณาจากศาลอุทธรณ์แล้ว จึงไม่มีคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ที่จะให้จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งได้ การที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีเสร็จสิ้นการพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แล้ว หากจำเลยประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปก็มีสิทธิยื่นฎีกาได้ตามกฎหมายและให้ยกคำร้องของจำเลยจึงชอบแล้ว
ป.วิ.พ. มาตรา 18 ให้อำนาจหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะตรวจคำคู่ความและมีคำสั่งรับหรือไม่รับคำคู่ความนั้นได้ ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจที่จะมีคำสั่งคำร้องของจำเลยที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ โดยไม่จำต้องได้รับมอบหมายจากศาลอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้แล้ว คดีจึงอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เมื่อจำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นจึงไม่อาจสั่งเองได้ ต้องส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งในเรื่องที่จำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์ต่อไป ซึ่งแตกต่างกับกรณีที่จำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลอุทธรณ์หลังจากที่ศาลอุทธรณ์จำหน่ายคดีไปแล้ว ไม่เป็นกรณีที่คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นจึงไม่จำต้องส่งคำร้องดังกล่าวให้ศาลอุทธรณ์สั่ง
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งจำหน่ายคดีของจำเลยออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ หากจำเลยไม่เห็นพ้องด้วย จำเลยมีสิทธิยื่นเป็นคำฟ้องฎีกาภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247 แต่จำเลยหาได้ยื่นฎีกาไม่ กลับโต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลอุทธรณ์โดยการยื่นคำร้องแทน การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยดังกล่าว จึงเป็นคำสั่งที่ชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 195344, 52035 ตำบลคลองถนน อำเภอบางเขน กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองบังคับชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ กับให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 4,000 บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นรับเป็นอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งสอง โดยให้จำเลยทั้งสองนำส่งสำเนาให้โจทก์แก้ภายใน 7 วัน หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วัน พนักงานเดินหมายรายงานว่าส่งสำเนาอุทธรณ์และหมายนัดให้แก่โจทก์ไม่ได้ จำเลยทั้งสองเพิกเฉยไม่แถลงว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปอันเป็นการไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ จึงพิพากษาให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องว่า จำเลยทั้งสองมิได้เพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ขอศาลอุทธรณ์ทำการไต่สวนหรือมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีเสร็จสิ้นการพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แล้ว หากจำเลยทั้งสองประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปก็มีสิทธิยื่นฎีกาได้ตามกฎหมาย ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า ที่จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 5 มีนาคม 2544 เป็นการยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ เมื่อสำนวนคดีอยู่ที่ศาลชั้นต้น จำเลยทั้งสองจึงต้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเพื่อส่งให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่ง การที่ศาลชั้นต้นไม่ส่งคำร้องไปให้ศาลอุทธรณ์สั่ง แต่ได้สั่งคำร้องของจำเลยทั้งสองเสียเอง โดยไม่มีเหตุฉุกเฉินหรือได้รับมอบหมายจากศาลอุทธรณ์ คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2544 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า คดีนี้หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองแพ้คดี จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์ ในระหว่างส่งสำเนาอุทธรณ์และหมายนัดให้แก่โจทก์นั้น จำเลยทั้งสองเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยทั้งสองทิ้งฟ้องอุทธรณ์ จึงพิพากษาให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ คดีย่อมเสร็จการพิจารณาจากศาลอุทธรณ์แล้ว จึงไม่มีคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ที่จะให้จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งได้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามคำร้องของจำเลยทั้งสองว่า คดีเสร็จสิ้นการพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แล้ว หากจำเลยทั้งสองประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปก็มีสิทธิยื่นฎีกาได้ตามกฎหมาย และให้ยกคำร้องของจำเลยทั้งสองนั้นย่อมเป็นการชอบแล้ว และที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งคำร้องดังกล่าวเสียเองโดยที่มิได้รับมอบหมายจากศาลอุทธรณ์และมิใช่เป็นกรณีเร่งด่วนฉุกเฉิน ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งคำร้องนั้น เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ให้อำนาจหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะตรวจคำคู่ความและมีคำสั่งรับหรือไม่รับคำคู่ความนั้นได้ ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจที่จะพิจารณาและมีคำสั่งคำร้องของจำเลยทั้งสอง โดยไม่จำต้องได้รับมอบหมายจากศาลอุทธรณ์และไม่ต้องมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนแต่ประการใด ส่วนที่จำเลยทั้งสองฎีกาโต้แย้งว่า ศาลชั้นต้นน่าจะส่งคำร้องของจำเลยทั้งสองไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาสั่งเหมือนเช่นกรณีศาลชั้นต้นส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาสั่งในกรณีมีการทิ้งฟ้องในชั้นอุทธรณ์ เห็นว่า ในกรณีจำเลยทั้งสองทิ้งฟ้องในชั้นอุทธรณ์เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นได้สั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองไว้แล้ว คดีจึงอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ดังนั้นเมื่อจำเลยทั้งสองทิ้งฟ้องอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นจึงไม่อาจสั่งเองได้ ต้องส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งในเรื่องที่จำเลยทั้งสองทิ้งฟ้องอุทธรณ์ต่อไป ซึ่งแตกต่างกับกรณีที่จำเลยทั้งสองได้ยื่นคำร้องหลังจากที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำหน่ายคดีไปแล้ว ไม่เป็นกรณีคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นจึงไม่จำต้องส่งคำร้องดังกล่าวให้ศาลอุทธรณ์สั่ง ส่วนที่จำเลยทั้งสองฎีกาอ้างเหตุประการสุดท้ายว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำหน่ายคดีของจำเลยทั้งสองออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์เนื่องจากจำเลยทั้งสองทิ้งฟ้องอุทธรณ์ จำเลยทั้งสองไม่สามารถยื่นฎีกาได้เนื่องจากศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยประเด็นข้อพิพาท ข้อที่จะฎีกาจึงมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จำเลยทั้งสองจึงต้องใช้วิธีการยื่นคำร้องแทนนั้น เห็นว่า จำเลยทั้งสองเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีชั้นต้นพิพากษาเสร็จสิ้นแล้ว จึงไม่ใช่กรณีที่จะต้องว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นแต่เป็นกรณีที่เกิดขึ้นในชั้นอุทธรณ์ และเมื่อศาลอุทธรณ์นำเหตุดังกล่าวมาพิพากษาจำหน่ายคดีของจำเลยทั้งสองออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ถือได้ว่ามีการว่ากล่าวกันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์แล้ว ดังนั้น หากจำเลยทั้งสองไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ จำเลยทั้งสองก็มีสิทธิยื่นเป็นคำฟ้องฎีกาภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247 ซึ่งจำเลยทั้งสองมีเวลาถึง 1 เดือนที่จะยื่นฎีกาได้ แต่จำเลยทั้งสองหาได้ยื่นฎีกาไม่ กลับยื่นโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์โดยการยื่นคำร้องแทน การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยทั้งสองดังกล่าว จึงเป็นคำสั่งที่ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share