แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ศาลจะมีคำสั่งให้ผู้ใดเป็นบุคคลล้มละลายนั้น มิใช่อาศัยแต่ลำพังข้อเท็จจริงอันเป็นเงื่อนไขตามข้อสันนิษฐานของพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 8 เพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องพิเคราะห์ถึงเหตุผลอื่นมาประกอบที่พอแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยตกอยู่ในฐานะผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวด้วย ดังนั้น ถ้าปรากฏเพียงว่า จำเลยได้รับหนังสือทวงถามจากโจทก์ให้ชำระหนี้แล้วรวม 2 ครั้ง มีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่า 30 วัน และจำเลยยังมิได้ชำระหนี้ โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงอื่นมาสนับสนุนแสดงให้เห็นถึงฐานะของจำเลยว่าตกอยู่ในสภาพมีหนี้สินล้นพ้นตัวอย่างใด ทั้งจำเลยได้นำสืบว่าหนี้ระงับแล้วและจำเลยอยู่ในฐานะจะชำระหนี้ได้ จึงยังไม่พอถือว่าจำเลยสมควรตกเป็นบุคคลล้มละลาย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คที่จำเลยลงชื่อสลักหลัง ต่อมาธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค และผู้สั่งจ่ายหลบหนีไป โจทก์จึงทวงถามจากจำเลยเป็นหนังสือ ๒ ครั้ง มีระยะห่างกันไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน แต่จำเลยไม่ชำระพฤติการณ์ของจำเลยต้องด้วยข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้ล้มละลาย
จำเลยให้การว่า มิได้มีหนี้สินล้นพ้นตัว หากเป็นหนี้โจทก์จริงก็ยังมีทรัพย์สินพอชำระหนี้ได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์นำสืบได้ความเพียงว่า จำเลยได้รับหนังสือทวงถามให้ชำระหนี้จากโจทก์แล้วรวม ๒ ครั้งมีระยะห่างกันไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน และจำเลยยังมิได้ชำระหนี้ โจทก์จึงถือว่าพฤติการณ์ของจำเลยเช่นนี้ย่อมต้องด้วยข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่าจำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว สมควรที่ศาลจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดได้แล้ว ดังนี้ เห็นว่า การที่ศาลจะมีคำสั่งให้ผู้ใดเป็นบุคคลล้มละลายนั้น มิใช่อาศัยแต่ลำพังข้อเท็จจริงอันเป็นเงื่อนไขตามข้อสันนิษฐานของกฎหมายเพียงอย่างเดียวแต่ยังต้องพิเคราะห์ถึงเหตุผลอื่นมาประกอบที่พอแสดงให้เห็นได้ว่า จำเลยตกอยู่ในฐานะผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวจริง เพราะการวินิจฉัยให้บุคคลใดล้มละลายนั้นย่อมกระทบถึงสิทธิและเสรีภาพในการดำรงชีวิตตามกฎหมาย ตลอดจนสถานะของบุคคลและสิทธิในทางทรัพย์สินของผู้นั้นโดยตรง อันเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน กฎหมายจึงให้อำนาจศาลที่จะใช้ดุลพินิจได้อย่างกว้างขวาง ดังจะเห็นได้จากบทบัญญัติในมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย ที่ให้อำนาจศาลยกฟ้องโจทก์เสียได้ หากมีเหตุอื่นที่ศาลเห็นว่ายังไม่สมควรให้ลูกหนี้ล้มละลาย แม้จะเข้าเงื่อนไขตามข้อสันนิษฐานของกฎหมายดังกล่าวแล้วก็ตาม ดังนั้น ลำพังแต่ทางนำสืบของโจทก์ ซึ่งได้ความตามข้อสันนิษฐานของกฎหมายเพียงอย่างเดียวโดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงอื่นมาสนับสนุนแสดงให้เห็นถึงฐานะของจำเลยว่าตกอยู่ในสภาพมีหนี้สินล้นพ้นตัวอย่างใดแล้วเพียง เท่านี้จึงยังไม่พอถือว่าจำเลยสมควรตกเป็นบุคคลล้มละลายตามฟ้อง
พิพากษายืน.