แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามปกติโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อจะต้องเป็นผู้รับสินค้าจากจำเลยผู้ขายเมื่อโจทก์สั่งให้จำเลยส่งสินค้าที่ซื้อนั้นไปยังลูกค้าของโจทก์ซึ่งอยู่ต่างประเทศจำเลยได้จัดการส่งสินค้าตามที่โจทก์สั่งเช่นนี้ลูกค้าของโจทก์ผู้รับสินค้าย่อมเป็นตัวแทนของโจทก์โดยปริยายในการตรวจรับสินค้าเมื่อมีการตรวจพบว่าสินค้าชำรุดบกพร่องตัวแทนของโจทก์ย่อมตรวจพบได้ในวันนั้นเช่นกันต้องถือว่าโจทก์ได้ตรวจพบในวันนั้นแล้วดังนั้นการที่จำเลยส่งสินค้าไปยังลูกค้าของโจทก์ซึ่งอยู่ต่างประเทศตามคำสั่งของโจทก์และได้มีการตรวจพบความชำรุดบกพร่องของสินค้าเมื่อวันที่18เมษายน2531จึงต้องถือว่าโจทก์ได้พบเห็นความชำรุดบกพร่องของสินค้าที่ซื้อจากจำเลยในวันนั้นสิทธิในการที่โจทก์จะฟ้องเพื่อให้จำเลยรับผิดเพื่อชำรุดบกพร่องเกิดมีขึ้นตั้งแต่วันที่18เมษายน2531แล้วหาใช้ตั้งแต่วันที่ลูกค้าของโจทก์แจ้งให้โจทก์ทราบถึงความชำรุดบกพร่องของสินค้านั้นไม่เมื่อนับวันที่โจทก์เกิดสิทธิฟ้องจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องพ้นเวลาหนึ่งปีแล้วฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตกลงขายไม้อัดเนื้ออ่อนปริมาตร2,000 ลูกบาศก์เมตร ราคา 770,000 เหรียญสหรัฐ แก่โจทก์โดยส่งมอบให้แก่บริษัทอินเตอร์ฟอเรสต์ อินเวสเมนต์แอนด์ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด ลูกค้าใหญ่ ณ เมืองท่าฮวงปู ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายการขนส่งและค่าประกันภัยสินค้า โจทก์ชำระราคาไม้อัดให้จำเลยแล้วแต่ไม้อัดที่จำเลยส่งมอบชำรุดบกพร่อง คุณภาพต่ำ ไม่ได้มาตรฐาน ลูกค้าโจทก์เรียกร้องค่าเสียหายจากโจทก์ โจทก์จึงแจ้งให้จำเลยทราบ แต่จำเลยไม่ยอมเจรจาเรื่องความเสียหายโจทก์ต้องดำเนินการเจรจากับลูกค้าโจทก์เอง เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปตรวจความเสียหาย 8,000 เหรียญสหรัฐความเสียหายของสินค้าเป็นเงิน 140,000 เหรียญสหรัฐค่าใช้จ่ายในการติดต่อกับจำเลยที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 8,000เหรียญสหรัฐ ระหว่างรอตรวจสอบเสียค่าพักไม้ไว้ในคลังสินค้า20,000 เหรียญสหรัฐ และจำเลยไม่ชำระค่าประกันภัยในเรือที่ขนสินค้าให้ครบถ้วนโจทก์ชำระไปก่อนจำนวน 3,217.50เหรียญสหรัฐ รวมค่าเสียหายทั้งสิ้น 179,217.50 เหรียญสหรัฐโจทก์ทวงถามแล้ว จำเลยไม่ชำระ คิดเป็นเงินไทยขณะฟ้องคดี4,620,227.10 บาท พร้อมกับดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงิน182,277.23 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 4,802,504.30 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงิน 4,620,227.10บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยผิดสัญญาต่อโจทก์ จำเลยขายไม้อัดเนื้ออ่อนตามฟ้องให้โจทก์ โดยส่งไปที่เมืองฮวงปูประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน จำเลยมีหน้าที่ส่งมอบสินค้าให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อเท่านั้น โจทก์ขายต่อให้ใครจำเลยไม่ทราบ เมื่อสินค้าเปลี่ยนมือไปยังบุคคลอื่นแล้วจำเลยพ้นหน้าที่รับผิดชอบ โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่องเกินกว่า 1 ปี นับแต่เวลาที่พบเห็นต้องห้ามมิให้ฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 2,010,839.90 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2531 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับค่าเสียหายซึ่งเป็นปัญหามาสู่ศาลฎีกาคงมีแต่เฉพาะค่าเสียหายอันเกิดจากความชำรุดบกพร่องของไม้อัดที่จำเลยขายให้โจทก์เท่านั้น ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 474 บัญญัติไว้ว่า “ในข้อรับผิดเพื่อชำรุดบกพร่องนั้น ท่านห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นเวลาปีหนึ่งนับแต่เวลาที่ได้พบเห็นความชำรุดบกพร่อง” เห็นว่า ตามปกติโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อจะต้องเป็นผู้รับสินค้าจากจำเลยผู้ขาย เมื่อโจทก์สั่งให้จำเลยส่งสินค้าที่ซื้อนั้นไปยังลูกค้าของโจทก์ที่เมืองฮวงปู ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน จำเลยได้จัดการส่งสินค้าตามที่โจทก์สั่งเช่นนี้ ลูกค้าของโจทก์ผู้รับสินค้าย่อมเป็นตัวแทนของโจทก์โดยปริยายในการตรวจรับสินค้า เมื่อมีการตรวจพบว่าสินค้าชำรุดบกพร่อง ตัวแทนของโจทก์ย่อมตรวจพบได้ในวันนั้นเช่นกัน ต้องถือว่าโจทก์ได้ตรวจพบในวันนั้นแล้ว ดังนั้นการที่จำเลยส่งไม้อัดไปยังลูกค้าของโจทก์ที่เมืองฮวงปูประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำสั่งของโจทก์และได้มีการตรวจพบความชำรุดบกพร่องของไม้อัด เมื่อวันที่ 18 เมษายน2531 จึงต้องถือว่าโจทก์ได้พบเห็นความชำรุดบกพร่องของไม้อัดที่ซื้อจากจำเลยในวันนั้น สิทธิในการที่โจทก์จะฟ้องเพื่อให้จำเลยรับผิดเพื่อชำรุดบกพร่องเกิดมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2531 แล้ว หาใช่ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม2531 อันเป็นวันที่ลูกค้าของโจทก์แจ้งให้โจทก์ทราบไม่เมื่อนับวันที่โจทก์เกิดสิทธิฟ้องจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องพ้นเวลาหนึ่งปีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์