คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6177/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ ส. สั่งจ่ายเช็คชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์แทนจำเลยไม่ใช่การแปลงหนี้ใหม่โดยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ เมื่อจำเลยเป็นผู้ทำสัญญาเช่าซื้อกับโจทก์สิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าซื้อดังกล่าวเป็นของโจทก์จำเลยซึ่งเป็นคู่สัญญาโดยเฉพาะ ส. และจำเลยจะโอนสิทธิตามสัญญาให้แก่กันมิได้ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากโจทก์อย่างชัดแจ้ง หรือ ส. และจำเลยจะไปทำสัญญากับโจทก์โดยตรง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อม้วนวีดีโอเทปจำนวน1,400 ม้วน ราคา 141,600 บาท จากโจทก์กำหนดชำระค่าเช่าซื้อ4 งวด จำเลยชำระค่าเช่าซื้อด้วยเช็คธนาคารจำนวน 4 ฉบับ ครั้นถึงกำหนดจ่ายเงินตามเช็คแต่ละฉบับ ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์จึงบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ และให้จำเลยคืนม้วนวีดีโอเทปที่เช่าซื้อทั้งหมด แต่จำเลยเพิกเฉย ทำให้โจทก์ขาดประโยชน์ใช้สอยทรัพย์สิน ขอให้บังคับจำเลยคืนม้วนวีดีโอเทปที่เช่าซื้อในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี หากคืนไม่ได้ให้ชำระราคาเป็นเงิน 141,600 บาทและให้จำเลยชำระค่าเสียหายอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน141,600 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระหนี้ให้โจทก์เสร็จ
จำเลยให้การว่า สัญญาเช่าซื้อเป็นโมฆะเพราะคู่สัญญาฝ่ายโจทก์มีนายวัลลภ จงสุวัฒน์ ลงชื่อในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการคนเดียวโจทก์ยอมให้นายสมพงษ์ เกาสายะพันธุ์ รับสัญญาเช่าซื้อต่อจากจำเลย นายสมพงษ์ได้ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์ 34,000 บาทและสั่งจ่ายเช็คตามฟ้องเพื่อประกันการชำระหนี้ของนายสมพงษ์ต่อโจทก์ ความรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อของจำเลยจึงสิ้นสุดลงขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยคืนม้วนวีดีโอเทปที่เช่าซื้อในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาเป็นเงิน 110,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าโจทก์ยอมรับเอาเช็คที่นายสมพงษ์สั่งจ่ายเป็นการชำระค่าเช่าซื้อแสดงว่าโจทก์ยอมรับนายสมพงษ์เข้าเป็นคู่สัญญาแทนจำเลยแล้วหนี้ของจำเลยเป็นอันระงับไปเพราะการแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ โจทก์ต้องฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากนายสมพงษ์นั้นเห็นว่า จำเลยเป็นผู้ทำสัญญาเช่าซื้อกับโจทก์ สิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าซื้อดังกล่าวเป็นของโจทก์จำเลยซึ่งเป็นคู่สัญญาโดยเฉพาะนายสมพงษ์และจำเลยจะโอนให้แก่กันไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากโจทก์อย่างชัดแจ้ง หรือมิฉะนั้นนายสมพงษ์และจำเลยจะต้องไปทำสัญญากับโจทก์โดยตรง แต่ไม่ปรากฏว่ามีสัญญาระหว่างโจทก์กับนายสมพงษ์ที่จะถือว่าเป็นการแปลงหนี้ใหม่แต่อย่างใด และการที่นายสมพงษ์สั่งจ่ายเช็คชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์นั้น ก็ไม่มีลักษณะเป็นการแปลงหนี้ใหม่โดยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้เมื่อเช็คดังกล่าวเรียกเก็บเงินไม่ได้จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาเช่าซื้อที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share