คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 617/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่โจทก์ร่วมมอบเงินให้แก่จำเลยเพื่อไปฝากเข้าบัญชีเป็นการส่งมอบทรัพย์ให้อยู่ในความยึดถือของจำเลยอันเป็นการมอบให้ครอบครองทรัพย์ดังกล่าวแทนโจทก์ร่วม จำเลยจึงอยู่ในฐานะครอบครองทรัพย์ของผู้อื่น เมื่อจำเลยเบียดบังเอาทรัพย์ดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ส่วนตนโดยทุจริต จำเลยจึงมีความผิดฐานยักยอก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352กับให้จำเลยคืนเงิน 300,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางสมพักตร์ วุฒิธรเนติรักษ์ ผู้เสียหายขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 จำคุก 2 ปี กับให้จำเลยคืนเงิน 300,000 บาท แก่ผู้เสียหายด้วย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติว่า เมื่อวันที่ 27กรกฎาคม 2532 โจทก์ร่วมได้มอบเงินจำนวน 300,000 บาท แก่จำเลยให้ช่วยนำไปฝากเข้าบัญชีของบริษัทศิริมณี จำกัด ที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาราชดำเนินจำเลยรับเงินจากโจทก์ร่วมแล้วมิได้นำไปฝากเข้าบัญชีแต่เบียดบังเอาเป็นประโยชน์ส่วนตนโดยทุจริตคดีคงมีปัญหาวินิจฉัยในข้อกฎหมายตามที่จำเลยฎีกาว่าการรับเงินจากโจทก์ร่วมเพื่อไปฝากเข้าบัญชีดังที่รับฟังเป็นยุติข้างต้นถือได้ว่า จำเลยครอบครองทรัพย์ของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 หรือไม่เห็นว่า การที่โจทก์ร่วมมอบเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่จำเลยเพื่อไปฝากเข้าบัญชีเป็นการส่งมอบทรัพย์ให้อยู่ในความยึดถือของจำเลยเป็นการมอบให้ครอบครองทรัพย์ดังกล่าวแทนโจทก์ร่วม จำเลยจึงอยู่ในฐานะครอบครองทรัพย์ของผู้อื่นตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวเมื่อจำเลยเบียดบังเอาทรัพย์ดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ส่วนตนโดยทุจริต จำเลยจึงต้องมีความผิดดังที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาถูกต้องแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share