คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 509/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ทำสัญญาขายกิจการและโรงงานให้จำเลยที่ 2ระหว่างรอโอนกรรมสิทธิ์จำเลยที่ 1 มอบกิจการและโรงงานซึ่งตนเป็นเจ้าของให้จำเลยที่ 2 ไปดำเนินการซึ่งต้องมีการซื้อสิ่งของมาใช้และกลายเป็นทรัพย์ที่ติดไปกับโรงงานและกิจการของโรงงานซึ่งจำเลยที่ 1ก็ได้เป็นเจ้าของทรัพย์นั้นด้วยส่วนจำเลยที่ 2 ก็ได้รับประโยชน์จากผลผลิตของโรงงานอันเป็นประโยชน์ร่วมกันเช่นนี้ เมื่อจำเลยที่ 2 ไปซื้อของเชื่อจากโจทก์เพื่อประโยชน์ร่วมกันดังกล่าว จำเลยที่ 1 ก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 2 ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายเสริม จำเลยที่ 2 นายสุขสันต์ จำเลยที่ 3 ได้ซื้อเชื่อสิ่งของในนามห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 รู้และยินยอมโจทก์ส่งของไปให้จำเลยที่ 1 หลายครั้งรวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 131,501.20 บาท ได้ทวงถามแล้วจำเลยไม่ชำระจึงขอให้จำเลยร่วมกันรับผิด

จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การปฏิเสธ สำหรับจำเลยที่ 3 โจทก์ขอถอนฟ้อง ศาลอนุญาต

ศาลชั้นต้นเห็นว่า ระยะแรกจำเลยที่ 1 ได้เชิดจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทน ฉะนั้น จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ผู้เดียว ส่วนระยะหลังจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดในการสั่งซื้อของต่อโจทก์ พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงิน 31,020.65 บาท และให้จำเลยที่ 2 ใช้เงิน 100,480.55 บาทแก่โจทก์

โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยทั้งสองทำสัญญาซื้อขายกิจการและโรงงานต่อกัน แต่ยังรอการโอนกรรมสิทธิ์ต่อกันอยู่ กิจการและโรงงานจึงยังเป็นของจำเลยที่ 1อยู่ แต่จำเลยที่ 1 มอบกิจการและโรงงานให้จำเลยที่ 2 ไปดำเนินการตลอดทั้งมอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 ทำการจำนองจำนำทรัพย์สินต่าง ๆ ของโรงงานได้ด้วย เห็นว่ากิจการโรงงานเช่นนี้ย่อมเป็นที่รู้อยู่ว่าจะต้องมีการซื้อสิ่งของอันเป็นเครื่องอุปกรณ์ต่าง ๆ มาใช้ในโรงงานและกิจการของโรงงาน และกลายเป็นทรัพย์อันติดไปกับโรงงานและกิจการของโรงงาน จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานและกิจการก็ได้เป็นเจ้าของทรัพย์ที่ซื้อมาใช้นั้นส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ดำเนินกิจการก็ได้รับประโยชน์จากผลผลิตจากโรงงาน และเป็นประโยชน์แก่จำเลยทั้งสองตามสัญญาซื้อขาย ฉะนั้นตามพฤติการณ์ระหว่างจำเลยทั้งสองจึงแสดงว่า การที่จำเลยที่ 1 มอบกิจการและมอบอำนาจแก่จำเลยที่ 2 นั้น เป็นการมอบให้จำเลยที่ 2 ดำเนินกิจการอันเป็นประโยชน์ร่วมกัน ศาลฎีกาจึงเห็นว่าจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 2 สำหรับเงินค่าซื้อของเชื่อ 100,480.55 บาทด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษาแก้ ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินอีก 100,480.55 บาทร่วมกับจำเลยที่ 2 ด้วย นอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share