คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9694/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำขอยกเว้นภาษีสรรพสามิตตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 มาตรา 102 ทวิ (1) และ (2) ที่โจทก์ยื่น ระบุว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบกิจการสถานบริการ แต่ขอยกเว้นค่าภาษีสรรพสามิตเพื่อบริจาครายรับเป็นสาธารณประโยชน์ให้แก่โรงพยาบาลต่าง ๆ ซึ่งเป็นการกระทำในนามของโจทก์เองไม่ได้ระบุว่าโจทก์ยื่นคำขอยกเว้นแทนองค์กรใด และโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมานำสืบให้เห็นว่าโจทก์ได้ส่งมอบรายรับทั้งหมดเป็นสาธารณประโยชน์ให้แก่โรงพยาบาลต่าง ๆ ตามที่โจทก์อ้าง โจทก์จึงมีหน้าที่เสียภาษีสรรพสามิตในฐานะเป็นผู้ประกอบกิจการสถานบริการสนามแข่งม้า

ย่อยาว

ย่อยาวคำพิพากษาฎีกาที่ 9694/2559

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมิน คำวินิจฉัยคำคัดค้านการประเมินภาษีสรรพสามิต และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ และโจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต ๒๗๘,๘๖๑,๘๓๖.๙๙ บาท
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความ ๕๐,๐๐๐ บาท
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทสมาคม มีวัตถุประสงค์ส่วนหนึ่ง คือ เพื่อบำรุงและส่งเสริมการผสมพันธุ์ม้า ให้ได้พันธุ์ที่เหมาะแก่ภูมิประเทศเป็นอย่างดีที่สุด เพื่อสนับสนุนทางราชการเมื่อถึงคราวจำเป็น โดยจัดให้มีการแข่งม้าในกรุงเทพมหานคร และตามส่วนภูมิภาคในพระราชอาณาจักรไทย และจัดหารายได้จากการแข่งม้าเพื่อบำเพ็ญการกุศลสาธารณะ หรือเพื่องานสาธารณประโยชน์อย่างอื่น มีพลเอกวัธนชัย เป็นประธานอำนวยการ มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ จำเลยเป็นนิติบุคคล โดยเป็นกรมในรัฐบาล สังกัดกระทรวงการคลัง เมื่อปี ๒๕๔๙ โจทก์ได้จัดการแข่งม้าจำนวน ๒๖ ครั้ง จำเลยได้มีหนังสือแจ้งการประเมินภาษีสรรพสามิต สำหรับเดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคม ๒๕๔๙ ให้โจทก์เสียภาษี ๓๐๐,๖๒๒,๗๒๓.๖๕ บาท และโจทก์ได้รับหนังสือแจ้งการประเมินภาษีสรรพสามิตดังกล่าวทางไปรษณีย์เมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๐ ตามสำเนาหนังสือแจ้งการประเมินภาษีสรรพสามิตและใบตอบรับ โจทก์ยื่นคำคัดค้านการประเมินภาษีสรรพสามิตฉบับลงวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๑ ต่อจำเลย และจำเลยมีคำวินิจฉัยคำคัดค้านการประเมินภาษีสรรพสามิตให้แก้ไขการประเมินให้โจทก์ชำระภาษีสรรพสามิต เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และภาษีเพื่อมหาดไทย รวม ๒๓๘,๕๘๑,๐๔๖.๗๕ บาท โจทก์ได้แจ้งผลคำวินิจฉัยคำคัดค้านการประเมินภาษีสรรพสามิตทางไปรษณีย์เมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๒ ตามคำคัดค้านการประเมินภาษีสรรพสามิต คำวินิจฉัยคำคัดค้านการประเมินภาษีสรรพสามิต และใบตอบรับ โจทก์ยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยคำคัดค้านการประเมินภาษีสรรพสามิต ลงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ตามคำอุทธรณ์ ต่อมาคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ และให้โจทก์ชำระภาษีตามคำวินิจฉัยคำคัดค้านการประเมินภาษีสรรพสามิต โดยโจทก์ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์ และใบตอบรับ
กรณีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ประการแรกว่า ในปี ๒๕๔๙ โจทก์เป็นเพียงตัวแทนในการจัดแข่งม้าการกุศลแทนองค์กรอื่นหรือไม่ เห็นว่า แม้ทางนำสืบของโจทก์จะมีพลเอกวัธนชัย ประธานกรรมการอำนวยการของโจทก์ และพลตรีหญิงจันทิมา ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีของโจทก์ มาเบิกความในทำนองเดียวกันว่า การจัดแข่งม้าการกุศลในปี ๒๕๔๙ โจทก์เป็นเพียงตัวแทนกระทำการแทนมูลนิธิหรือองค์กรการกุศล แต่ก็เป็นเพียงคำเบิกความลอย ๆ ไม่มีการเบิกความรับรองเอกสารใด ๆ และไม่มีพยานบุคคลเกี่ยวกับส่วนราชการหรือองค์กรต่าง ๆ ที่อ้างว่าเป็นตัวการมานำสืบให้สมข้ออ้างของโจทก์ เป็นเพียงหนังสือสรุปยอดเงินในบัญชีออมทรัพย์ และรายการบัญชีเงินฝากของฝาก ซึ่งไม่ใช่เอกสารยืนยันว่า โจทก์เป็นตัวแทนส่วนราชการหรือองค์กรดังกล่าว อีกทั้งทางนำสืบของโจทก์ยังขัดกับ ที่โจทก์ไม่ได้โต้แย้งความถูกต้อง โดยเอกสารดังกล่าวเป็นคำขอยกเว้นภาษีสรรพสามิตตามมาตรา ๑๐๒ ทวิ (๑) และ (๒) แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ ที่โจทก์ยื่นขอยกเว้นภาษีสรรพสามิตในช่วงปี ๒๕๔๙ ระบุว่า โจทก์เป็นผู้ประกอบกิจการสถานบริการ แต่ขอยกเว้นค่าภาษีสรรพสามิตเพื่อบริจาครายรับในวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๔๙ เป็นสาธารณประโยชน์ให้แก่โรงพยาบาลจันทรุเบกษา และเพื่อบริจาครายรับในวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๔๙ เป็นสาธารณประโยชน์ให้แก่มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ซึ่งเป็นการกระทำในนามของโจทก์เองไม่ได้ระบุว่ายื่นแทนองค์กรใด อีกทั้งโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานใดมานำสืบให้เห็นว่าโจทก์ได้ส่งมอบรายรับทั้งหมดให้อยู่ในอำนาจการบริหารหรือตัดสินใจขององค์กรที่โจทก์อ้างว่าเป็นตัวการ พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังไม่อาจรับฟังได้ว่าโจทก์เป็นตัวแทนดำเนินการจัดแข่งม้าการกุศลตามที่โจทก์กล่าวอ้าง เมื่อโจทก์เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของสถานบริการสนามแข่งม้าโดยฟังไม่ได้ว่ากระทำการแทนบุคคลอื่น และตามคำฟ้องโจทก์ไม่โต้แย้งฐานรายรับที่ใช้ในการคำนวณภาษีและจำนวนภาษีตามการประเมินภาษีสรรพสามิต โจทก์จึงมีหน้าที่เสียภาษีสรรพสามิตในฐานะเป็นผู้ประกอบกิจการสถานบริการสนามแข่งม้าตามการประเมินภาษีสรรพสามิต คำวินิจฉัยคำคัดค้านการประเมินภาษีสรรพสามิต และคำวินิจฉัยอุทธรณ์คำคัดค้านการประเมินภาษีสรรพสามิต อุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น เมื่อวินิจฉัยว่าโจทก์เป็ผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของสถานบริการสนามแข่งม้าโดยฟังไม่ได้ว่ากระทำการแทนบุคคลอื่นดังนี้แล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ในประเด็นว่าส่วนราชการและองค์กรการกุศลได้รับยกเว้นภาษีสรรพสามิตหรือไม่อีก ประเด็นว่า โจทก์ได้รับยกเว้นภาษีสรรพสามิตตามพระราชบัญญัติสรรพสามิต พ.ศ.๒๕๒๗ มาตรา ๑๐๒ ทวิ หรือไม่ เห็นว่า ตามคำฟ้องโจทก์ตั้งประเด็นแต่เพียงว่า ส่วนราชการและองค์กรการกุศลเป็นตัวการจึงเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีสรรพสามิตแต่ได้รับยกเว้น ส่วนโจทก์ไม่ใช่ผู้ประกอบกิจการสถานบริการเป็นเพียงตัวแทนจึงไม่ใช่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ มาตรา ๗ เท่านั้น ประเด็นที่ว่าโจทก์ได้รับยกเว้นภาษีสรรพสามิตตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ มาตรา ๑๐๒ ทวิ หรือไม่ จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลภาษีอากรกลาง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๕ วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๒๙ (เดิม) ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรไม่รับวินิจฉัย ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรเห็นพ้องด้วยในผล
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ.

Share