คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 617/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาจะซื้อขายมีข้อความตอนหนึ่งว่า “ฯลฯ ในการโอนนี้ ผู้จะซื้อเป็นบุคคลต่างด้าวหากการโอนขัดข้อง ผู้จะขายยอมให้ผู้จะซื้อหาผู้รับโอนคนอื่นมารับโอนได้ โดยผู้จะขายต้องโอนให้ ไม่ถือว่าผิดสัญญา และให้ถือว่าผู้ที่จะมารับโอนเท่ากับคู่สัญญานี้” ย่อมแสดงถึงเจตนา อันแท้จริงของแต่ละฝ่ายว่าไม่ประสงค์จะเลิกสัญญากัน จึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนผูกพันคู่กรณีโจทก์ที่ 1 มีสิทธิที่จะโอนการจะซื้อขายที่ดินรายนี้ให้แก่โจทก์ที่ 2 ได้ตามข้อความในสัญญาดังกล่าว

ย่อยาว

ชั้นพิจารณา โจทก์จำเลยตกลงท้ากันให้ศาลชี้ขาดว่าตามสัญญาข้อ ๒ ในสัญญาจะซื้อขายที่ดินรายพิพาทซึ่งมีข้อความว่า “ฯลฯ ในการโอนนี้ผู้จะซื้อเป็นบุคคลต่างด้าว หากการโอนขัดข้อง ผู้จะขายยอมให้ผู้จะซื้อหาผู้รับโอนคนอื่นมารับโอนได้ โดยผู้จะขายต้องโอนให้ ไม่ถือว่าผิดสัญญาและให้ถือว่าผู้ที่จะมารับโอนเท่ากับคู่สัญญานี้” จะหมายความว่า โจทก์ที่ ๑ มีสิทธิโอนสิทธิการซื้อขายให้แก่โจทก์ที่ ๒ ได้หรือไม่ เพียงข้อเดียว และต่างสละข้อต่อสู้อื่น ๆ ทั้งหมด หากศาลชี้ขาดว่า โจทก์ทั้งสองมีสิทธิทำกันได้ จำเลยยอมแพ้ตามฟ้อง หากศาลชี้ขาดว่าโจทก์ทั้งสอง ไม่มีสิทธิทำกันได้ โจทก์ทั้งสองยอมแพ้โดยทั้งสองฝ่ายไม่สืบพยาน
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลทั้งสองว่า ให้จำเลยโอนขายที่พิพาทตามโฉนดที่ ๙๓๐๒ ให้แก่โจทก์ที่ ๒ โดยรับชำระราคาที่เหลือจากโจทก์ที่ ๑ หากจำเลยไม่จัดการตามนี้ก็ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของโจทก์จำเลย
ข้อวินิจฉัยของศาลฎีกามีว่า ข้อความในสัญญาดังกล่าวแสดงถึงเจตนาอันแท้จริงของจำเลยว่า ต้องการที่จะขายที่ดินแปลงนี้เป็นการแน่นอน โดยไม่คำนึงถึงตัวคนที่จะซื้อ ไม่ว่าจะเป็นตัวโจทก์ที่ ๑ ผู้เป็นคู่สัญญาโดยตรงหรือบุคคลอื่นที่โจทก์ที่ ๑ จะมาได้ในเมื่อทางการไม่อนุญาตให้โจทก์ที่ ๑ เป็นผู้ซื้อ จำเลยไม่ประสงค์ที่จะเลิกสัญญาจะซื้อขายกันต่อไปแล้ว จึงยินยอมทำสัญญาให้อำนาจแก่โจทก์ที่ ๑ เพื่อหาคนอื่นมาซื้อที่ดินแปลงนี้ไปจนได้ ซึ่งมีผลผูกพันโจทก์ที่ ๑ มิให้ขอเลิกสัญญาเช่นเดียวกัน จึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนผูกพันคู่กรณี โจทก์ที่ ๑ จึงมีสิทธิโอนการจะซื้อขายที่ดินรายนี้ให้แก่โจทก์ที่ ๒ ได้ ตามข้อความในสัญญานั้น

Share