แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้ฎีกาของจำเลยที่ 1 จะเกี่ยวกับการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้นมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับประเด็นพิพาทตามคำฟ้องก็ต้องถือตามทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในคดีเป็นหลักในการพิจารณาว่าเป็นคดีที่ฎีกาได้หรือไม่ การที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่ามิได้จงใจขาดนัดพิจารณา เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง เมื่อทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกา
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระค่าเสียหายตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันจำนวน 153,740.37 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 1.75 ต่อเดือนนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 130,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ15 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์กับให้ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ1,500 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วสั่งยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดจากการที่จำเลยทั้งสองผิดสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันจำนวน 153,740.37 บาท จึงเป็นคดีที่มีทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง การที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 มิได้จงใจขาดนัดพิจารณา ซึ่งเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงแม้ฎีกาของจำเลยที่ 1 จะเป็นกรณีที่เกี่ยวกับการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้นมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวกับประเด็นพิพาทตามคำฟ้อง ก็ต้องถือตามทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในคดีเป็นหลักในการพิจารณาว่าเป็นคดีที่ฎีกาได้หรือไม่เมื่อทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท ฎีกาของจำเลยที่ 1จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาของจำเลยที่ 1 มานั้นเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยส่วนที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 อุทธรณ์มาด้วยว่า จำเลยที่ 1มิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การแต่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยให้จึงขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ด้วยนั้น เห็นว่า เมื่อจำเลยที่ 1ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงอันมีผลทำให้ไม่อาจอนุญาตให้พิจารณาใหม่ได้แล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวอีกต่อไปเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไปได้”
พิพากษายกฎีกาจำเลยที่ 1