คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6160/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 นั้น ต้องเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา จำเลยเป็นผู้ให้ข้อมูลที่สำคัญ จนนำไปสู่การจับกุม ว. ผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษรายอื่นที่ไม่เกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษของกลางในคดีนี้ ซึ่งเกิดขึ้นก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา จำเลยย่อมได้รับประโยชน์ ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 แม้จำเลยมิได้นำ พ.ต.ต. ส. ไปจับกุม ว. ก็ตาม หากจำเลยไม่ให้ข้อมูลแล้วยากที่ พ.ต.ต. ส. จะสืบทราบว่า ว. จำหน่ายยาเสพติดให้โทษหรือไม่ ศาลจึงลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 100/1, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33 ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสอง เห็นควรลงโทษน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 จำคุก 3 ปี 8 เดือน และปรับ 300,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 10 เดือน และปรับ 150,000 บาท หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 โดยให้กักขังมีกำหนด 1 ปี ริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจอันเป็นเหตุให้ลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 หรือไม่ เห็นว่า เมื่อข้อมูลที่จำเลยอ้างว่าเป็นผู้ให้แก่พันตำรวจตรีสัณห์พิชญ์จนสามารถจับกุมนายวัฒนา คนร้ายซึ่งจำหน่ายยาเสพติดให้โทษได้ เกิดขึ้นในวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาคดีนี้ จำเลยย่อมได้รับประโยชน์จากบทบัญญัติดังกล่าว แม้จำเลยมิได้เป็นผู้นำพันตำรวจตรีสัณห์พิชญ์ไปจับกุมนายวัฒนาก็ตาม แต่การที่พันตำรวจตรีสัณห์พิชญ์จับกุมนายวัฒนาซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดได้เป็นผลสืบเนื่องโดยตรงมาจากข้อมูลที่จำเลยแจ้งแก่พันตำรวจตรีสัณห์พิชญ์ก่อนจับกุม ซึ่งหากจำเลยไม่ให้ข้อมูลดังกล่าวแล้วก็ยากที่พันตำรวจตรีสัณห์พิชญ์จะสืบทราบว่านายวัฒนาจำหน่ายยาเสพติดให้โทษหรือไม่ นอกจากนี้ในชั้นจับกุมนายวัฒนาก็ให้การรับสารภาพในข้อหามียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่าย และมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครอง นายวัฒนาจึงมิใช่ผู้เสพยาเสพติดให้โทษแต่อย่างใด ดังนี้ ข้อมูลที่จำเลยให้ต่อพันตำรวจตรีสัณห์พิชญ์จึงเป็นข้อมูลสำคัญและเป็นประโยชน์ที่นำไปสู่การจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษรายอื่นที่ไม่เกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษของกลางในคดีนี้ ซึ่งศาลจะลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นได้ตามบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share