แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
สัมปทานทำไม้ป่าชายเลนระหว่างโจทก์กับจำเลยมีกำหนดระยะเวลา 15 ปี ในระหว่างอายุสัมปทาน โจทก์จึงมีสิทธิทำไม้ในเขตสัมปทานของโจทก์ได้ภายใต้เงื่อนไขสัมปทาน การที่จำเลยโดยกรมป่าไม้สั่งให้โจทก์ระงับการทำไม้ จึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นกระทรวงมีฐานะเป็นนิติบุคคลมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับกิจการป่าไม้ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 จำเลยให้สัมปทานทำไม้ป่าชายเลนแก่โจทก์แล้วจำเลยผิดสัญญา ขอให้บังคับจำเลยจ่ายเงินชดเชยความเสียหายจากการยกเลิกสัมปทานและคืนเงินประกันแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์เป็นผู้รับสัมปทาน จำเลยเป็นผู้ให้สัมปทานทำไม้ป่าชายเลน เนื้อที่ 3,910 ไร่ มีกำหนดระยะเวลา 15 ปี ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2529 ถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2544 ตามสำเนาสัมปทานทำไม้ป่าชายเลน เอกสารหมาย จ.4 ต่อมาจำเลยโดยกรมป่าไม้มีคำสั่งให้โจทก์ระงับการทำไม้ ก่อนครบกำหนดระยะเวลาสัมปทาน มีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า สัมปทานทำไม้ป่าชายเลนระหว่างโจทก์กับจำเลยมีกำหนดระยะเวลา 15 ปี ในระหว่างอายุสัมปทาน โจทก์มีสิทธิทำไม้ในเขตสัมปทานของโจทก์ได้ภายใต้เงื่อนไขสัมปทานตามสำเนาสัมปทานทำไม้ป่าชายเลน เอกสารหมาย จ.4 การที่จำเลยโดยกรมป่าไม้สั่งให้โจทก์ระงับการทำไม้ จึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ใหศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ตามรูปคดี