แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายล่ำใหญ่กว่าจำเลยและประพฤติผิดศีลธรรมต่อนางสาวสมจิตรบุตรเลี้ยงของจำเลยขึ้นก่อนเมื่อเกิดต่อว่ากันขึ้นแล้ว ผู้ตายแทงจำเลยก่อน และเมื่อกอดปล้ำกันแล้วจำเลยดิ้นไม่หลุดจำเลยจึงต้องแทงผู้ตายไปบ้างเป็นการป้องกันตัวอาวุธของทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างเดียวกันบาดแผลก็ขนาดเดียวกันถือได้ว่าเป็นการพอสมควรแก่เหตุ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดแทงนายเนื่อง 1 ที ถูกที่เหนือชายโครงขวาเข้าช่องท้องถูกตับและถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 และให้ริบมีดของกลาง
จำเลยรับว่า ได้แทงผู้ตายจริง เพราะผู้ตายใช้มีดแทงจำเลยก่อน 4 ที จำเลยจึงแทงไปบ้างโดยไม่มีเจตนา
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 และริบมีดของกลาง
จำเลยอุทธรณ์ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ผู้ตายโดดเข้าแทงทำร้ายจำเลยก่อน จำเลยจึงต้องป้องกันตัวและเป็นการพอสมควรแก่เหตุ พิพากษากลับให้ยกฟ้องแต่ไม่ได้สั่งเรื่องมีดของกลาง
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษตามศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาฟังว่าผู้ตายประพฤติผิดศีลธรรมต่อนางสาวสมจิตรบุตรเลี้ยงของจำเลยขึ้นก่อน และเมื่อเกิดต่อว่ากันขึ้นแล้วผู้ตายเป็นฝ่ายแทงจำเลยก่อนและเพราะผู้ตายล่ำใหญ่กว่าจำเลยเมื่อกอดปล้ำกันแล้วจำเลยคงจะดิ้นหลุดไปไม่ได้ จำเลยจึงต้องแทงผู้ตายไปบ้างเป็นการป้องกันตัว อาวุธของทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างเดียวกัน บาดแผลก็ขนาดเดียวกัน ถือได้ว่าเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุส่วนการที่รักษาพยาบาลผู้ตายไว้ไม่รอดนั้น ได้ความตามคำนายแพทย์ว่า ผู้ตายไปถึงโรงพยาบาลเมื่อชีพจรจวนจะหยุดแล้วและกำลังมึนเมาไม่มีสติ แต่จำเลยมีโอกาสได้รับการผ่าตัดเปิดช่องท้องซึ่งอาจเป็นเพราะยังมีกำลังดีอยู่ จึงรักษาพยาบาลได้ทันท่วงที
ศาลฎีกาพิพากษายืน และให้คืนมีดของกลางแก่จำเลย