แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์โดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือหาประกันให้ไว้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 234 ศาลชั้นต้นส่งศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณา ดังนั้น เมื่อมีการอุทธรณ์ไม่ว่าจะเป็นการอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นไปยังศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะตรวจสำนวนและถ้าเห็นว่าอุทธรณ์นั้นต้องห้ามตามกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจยกอุทธรณ์นั้นเสียได้โดยไม่ต้องวินิจฉัยในประเด็นแห่งอุทธรณ์ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 242 (1)
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ร่วมกันชำระเงิน 109,548,485.07 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12.75 ต่อปี ของต้นเงิน 47,093,747.99 บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13.25 ต่อปี ของต้นเงิน 20,000,000 บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 17 ต่อปี ของต้นเงิน 17,714,472.16 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3ก.) เลขที่ 278 ที่ดินโฉนดเลขที่ 552, 612, 816, 842-847 พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระแก่โจทก์ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพยืสินอื่นของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ กับให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 70,000 บาท ยกฟ้องแย้งจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนฟ้องแย้งให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 และที่ 3
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 มิได้นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาล หาประกันหรือวางเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 กำหนด จึงให้ส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณา
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ว่า คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ไม่รับวินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ชอบหรือไม่ ข้อเท็จจริงจากสำนวนได้ความว่า ภายหลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ยื่นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 และที่ 3 จำเลยที่ 2 และที่ 3 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 มิได้นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาล หาประกันหรือวางเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 กำหนดจึงให้ส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณา ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 2 และที่ 3 เนื่องจาก เห็นว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกาในทำนองว่า ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจยกประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ขึ้นเป็นเหตุในการปฏิเสธไม่รับวินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 2 และที่ 3 นั้น เห็นว่า เมื่อมีการอุทธรณ์ไม่ว่าจะเป็นการอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นไปยังศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะตรวจสำนวนความและถ้าเห็นว่าอุทธรณ์นั้นต้องห้ามตามกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจยกอุทธรณ์นั้นเสียได้โดยไม่ต้องวินิจฉัยในประเด็นแห่งอุทธรณ์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 242 (1) คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งจึงชอบแล้ว”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ