คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 614/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าเหตุเกิดวันที่ 6 พ.ค. 97 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงซึ่งตรงกับวันขึ้น 4 ค่ำเดือน 6 แต่ผู้เสียหายและพยานโจทก์ว่าเหตุเกิดเวลากลางคืนขึ้น 3 ค่ำ เดือน 6 ตรงกับ วันที่ 5 พ.ค. 97
เมื่อคดีได้ความว่าที่ต่างกันนี้เพราะในบรรยายฟ้องโจทก์นับวันเวลาตามสุริยคติคือนับต่อจาก 24.00 น. เป็นเวลากลางคืนก่อนเที่ยงไปจนถึง 6.00 น. เป็นอีกวันหนึ่ง แต่พยานโจทก์ให้การตามวิธีนับทางจันทรคติสิ้นสุดลงในเวลาย่ำรุ่งเมื่อคดีนี้เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 97และเวลา 2 ยามไปแล้ว จึงตรงกับวันที่ 6 พ.ค. 97เวลากลางคืนก่อนเที่ยงข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจึงไม่ต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2497 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยสมคบกันลักทรัพย์ของนายก้านไป ขอให้ลงโทษ

จำเลยทั้งสามปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษนายสง นายสุดใจจำเลย แต่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้นายสงจำเลยไม่ได้ จึงให้จำหน่ายคดีเฉพาะตัวนายสงจำเลยคงพิจารณาคดีเฉพาะนางสุดใจจำเลย

ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกนายสุดใจตามมาตรา 295 มีกำหนด 3 ปีลดโทษตามมาตรา 59 ให้ 1 ใน 3 คงจำคุกไว้ 2 ปี ฯลฯ

นายสุดใจจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์บรรยายฟ้องวิธีนับวันเวลาตามสุริยคติคือนับต่อจาก 24.00 น. เป็นเวลากลางคืนก่อนเที่ยงไปจนถึง 6.00 น. แต่พยานโจทก์ให้การตามวิธีนับทางจันทรคติสิ้นสุดลงในเวลาย่ำรุ่งคดีนี้เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 5 พฤษภาคม 2497 ล่วงเลยเวลา 2 ยามไปแล้ว จึงตรงกับวันที่ 6พฤษภาคม 2497 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจึงไม่ต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้องตามความเห็นของศาลอุทธรณ์ และเห็นว่าพยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิด เมื่อถ้อยคำพยานโจทก์ ฟังไม่ได้แล้วลำพังแต่เพียงคำรับสารภาพของจำเลยอย่างเดียวก็ยังไม่พอที่จะฟังลงโทษจำเลยได้

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share