แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีหน้าที่แต่เพียงเชิญชวนแนะนำให้ผู้ร้องปิดแสตมป์ ก.ศ.ส. ในคำร้องเท่านั้น แม้จะได้ความจริงก็หาลงโทษจำเลยได้ไม่ เพราะจำเลยไม่มีหน้าที่จัดซื้อหรือทำหรือปกครองรักษาทรัพย์สิ่งใดๆ ตามความหมายในมาตรา 132 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2499)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นปลัดอำเภอมีหน้าที่ปฏิบัติราชการเกี่ยวกับการขออนุญาตเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงและในกรณีที่มีผู้มาติดต่อขอให้เขียนคำร้องก็ให้เขียนให้พร้อมกับให้มีหน้าที่เชิญชวนแนะนำให้ผู้ร้องปิดแสตมป์ ก.ศ.ส. จำเลยได้รับเงินค่าแสตมป์ ก.ศ.ส. แล้วจำเลยกลับนำแสตมป์ที่ใช้แล้วมาปิดเป็นการเสื่อมเสียประโยชน์ของรัฐบาลแก่นายอำเภอ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 132 ที่แก้ไข
จำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้กระทำผิด ฟ้องเคลือบคลุม นายอำเภอไม่ใช่ผู้เสียหาย
ศาลชั้นต้นเห็นว่าฟ้องไม่เคลือบคลุมรัฐบาลเป็นผู้เสียหายพิพากษาว่าจำเลยผิดตามฟ้องให้จำคุก 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่ารัฐมนตรีกระทรวงการคลังเป็นผู้เสียหายจะต้องแจ้งความร้องทุกข์เสียก่อน พนักงานสอบสวนจึงจะดำเนินคดีไปได้
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาญา มาตรา 132 โจทก์บรรยายมาในฟ้องว่า” ฯลฯ ในกรณีที่มีผู้มาติดต่อขอให้เขียนคำร้องก็ให้จำเลยเป็นผู้เขียนคำร้องให้ พร้อมด้วยให้จำเลยมีหน้าที่เชิญชวนแนะนำให้ผู้ร้องปิดแสตมป์ ก.ค.ส. ในคำร้องฉบับละ 10 บาท ทุกฉบับและในการออกใบอนุญาตให้เก็บน้ำมันเชื้อเพลิงได้ ก็ให้ผู้รับอนุญาตปิดแสตมป์ ก.ศ.ส. ฉบับละ 20 บาท ทุกฉบับ แต่จำเลยบังอาจใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ดังกล่าวหาประโยชน์อันมิควรได้ไว้เป็นอาณาประโยชน์ส่วนตัว ฯลฯ” ดังนี้จำเลยไม่มีหน้าที่จัดซื้อหรือทำหรือปกครองรักษาทรัพย์สิ่งใด ๆตามความหมายในกฎหมายอาญา มาตรา 132 เพราะตามฟ้องจำเลยมีหน้าที่แต่เพียงเชิญชวนแนะนำให้ผู้ร้องปิดแสตมป์ ก.ศ.ส. ในคำร้องเท่านั้น ฉะนั้นเมื่อฟ้องโจทก์บรรยายมาเช่นนี้แม้จะได้ความจริงก็ยังลงโทษจำเลยไม่ได้ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง