แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในข้อที่ว่าศาลต้องฟังพะยานโจทก์จนกว่าจะเป็นที่พอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดตาม ม.176 แห่งประมวลวิธีพิจารณาความอาญานั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่จะต้องวินิจฉัยว่าพะยานโจทก์เท่าที่นำสืบมานั้นจะมีน้ำหนักพอเชื่อได้หรือไม่ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามคำรับนั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยวางเพลิง จำเลยให้การรับสารภาพ โจทก์นำเจ้าของเรือนผู้ใหญ่บ้าน ปลัดอำเภอ และผู้ช่วยดับไฟมาเบิกความเป็นพะยานว่า เรือนที่ไหม้เป้นของ ว.คืนวันไฟไหม้จำเลยทั้ง ๒ เป้นผู้ไปบอก ว. เมื่อไฟดังแล้วจำเลยก็รับกับ ว.ว่าเป็นผู้จุดและจำเลยก็รับกับผู้ใหญ่บ้านและปลัดอำเภอผู้สอบสวนดังนั้น
ศาลชั้นต้นเห็นว่าพะยานหลักฐานโจทก์เท่าที่นำสืบมายังไม่เป้นที่พอใจว่าจำเลยกระทำผิดตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา ม.๑๗๖ จึงพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพร้อมกันวินิจฉัยว่า ที่ศาลจะต้องฟังพะยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตาม ม.๑๗๖ นั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่จะต้องวินิจฉัยว่าพะยานโจทก์เท่าที่นำสืบมานั้นจะมีน้ำหนักพอเชื่อได้หรือไม่ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามคำรับของจำเลยเมื่อศาลล่างทั้ง ๒ ได้วินิจฉัยมาว่พะยานโจทก์ไม่มีน้ำหนักจะฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดจึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ เมื่อเปนดังนี้โจทกืก็ฎีกามิได้ ต้องห้ามตามประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.๒๑๙ ให้ยกฎีกาโจทก์