คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1673/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ถูกฟ้องด้วยข้อหายักยอกซึ่งเป็นความผิดอันยอมความกันได้ถ้าผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ภายในสามเดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเป็นอันขาดอายุความสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปคำเบิกความเท็จของจำเลยซึ่งสนับสนุนข้ออ้างว่าสิทธิที่จะฟ้องร้องโจทก์ยังมิได้ระงับไปด้วยคดีขาดอายุความจึงเป็นข้อสำคัญในคดี.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นพยานโจทก์ในคดีอาญา ซึ่ง ส.เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ในคดีนี้เป็นจำเลย เรื่อง ยักยอกทรัพย์ได้เบิกความอันเป็นเท็จ ในคดีดังกล่าว ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งประทับฟ้องไว้พิจารณา
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกและปรับ โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
โจทก์ จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นไม่ปรับและไม่รอการลงโทษ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยเบิกความในคดีที่โจทก์ในคดีนี้ถูกฟ้องเป็นจำเลยว่า จำเลยเพิ่งเปิดเผยเหตุแห่งการกระทำผิดของโจทก์ให้แก่ ส. ทราบ แต่ที่จริงแล้ว ส. และจำเลยทราบเหตุดังกล่าวมาก่อนแล้ว เหตุที่จำเลยเบิกความดังกล่าวก็เพื่อมิให้คดีขาดอายุความ คำเบิกความของจำเลยจึงเป็นเท็จ
คดีก่อนโจทก์ถูกฟ้องในข้อหายักยอกซึ่งเป็นความผิดอันยอมความกันได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 356 ถ้าผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ภายในสามเดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความทผิดเป็นอันขาดอายุความ ตามมาตรา 96 เมื่อขาดอายุความแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(6) เห็นได้ว่าคำเบิกความเท็จของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดีโดยสนับสนุนข้ออ้างของ ส. ในข้อที่ว่าสิทธิที่จะฟ้องร้องโจทก์ยังมิได้ระงับไปด้วยคดีจึงขาดอายุความ
พิพากษาแก้เป็นว่าให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share