แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 2 ตามคำพิพากษา เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ชำระหนี้ โจทก์ย่อมจะขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีอายัดเงินของจำเลยที่ 2 เพื่อนำมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ การที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่าชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์แล้ว โดยปรากฏตามคำร้องของจำเลยที่ 2 ว่า การชำระหนี้ดังกล่าวเป็นการกระทำนอกศาล เมื่อโจทก์แถลงว่ายังไม่ได้รับชำระหนี้ ทั้งในสำนวนก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์แล้ว ดังนี้ จำเลยที่ 2 จะอ้างเหตุดังกล่าวเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งถอนการอายัดหาได้ไม่ กรณีไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295 เป็นเรื่องที่จำเลยจะไปว่ากล่าวกับโจทก์เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ศาลชอบที่จะสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 2 เสียได้ โดยไม่จำต้องไต่สวนพยานตามคำร้อง
ย่อยาว
คดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน และได้มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ ๑ ทั้งสองสำนวน
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นได้พิพากษาตามยอมทั้งสองสำนวน คดีถึงที่สุดว่า จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ยอมชำระเงิน ๖๓๖,๐๗๖ บาทให้โจทก์ ฯลฯ ต่อมาโจทก์ถึงแก่กรรม ศาลชั้นต้นอนุญาตให้นายวันชัย ออมสมสวยในฐานะทายาทโดยธรรมและผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามคำสั่งศาลเข้าสวมสิทธิของโจทก์เพื่อบังคับคดีต่อไป แล้วศาลชั้นต้นได้ออกหมายบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์ของจำเลยที ๒ ที่ ๓ ตามคำขอของโจทก์
จำเลยที่ ๒ ทั้งสองสำนวนยื่นคำร้องว่า เมื่อโจทก์และจำเลยที่ ๒ ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันแล้ว โจทก์ยอมถอนฟ้องคดีอาญาซึ่งโจทก์ได้ฟ้องจำเลยที่ ๒ ไว้ โดยโจทก์ให้จำเลยที่ ๒ ออกเช็คเท่าจำนวนหนี้ทั้งหมด ๑ ฉบับ พร้อมทั้งชำระเงินให้อีกบางส่วน ต่อมาโจทก์ขอรับเงินตามเช็คไปโดยมีข้อตกลงกับจำเลยที่ ๒ ว่า หนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความยกเลิก หลังจากนั้นโจทก์ถึงแก่กรรม ผู้จัดการมรดกของโจทก์ได้ขอให้ศาลตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีไปอายัดเงินของจำเลยที่ ๒ ในคดีอื่นโดยไม่มีอำนาจเพราะเจ้ามรดกได้รับชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความไปจากจำเลยที่ ๒ แล้ว ขอให้ศาลสั่งให้กรมบังคับคดีถอนอายัดเงินจำนวน ๘๖๑.๓๔๗ บาท และคืนให้จำเลยที่ ๒
โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ ๒ ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ทั้งสองสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ ๒ ตามคำพิพากษาเมื่อจำเลยที่ ๒ ไม่ชำระหนี้ โจทก์ย่อมจะขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีอายัดเงินของจำเลยที่ ๒ เพื่อนำมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ การที่จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องว่าชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์แล้ว โดยปรากฏตามคำร้องของจำเลยที่ ๒ ว่าการชำระหนี้ดังกล่าวเป็นการกระทำนอกศาล เมื่อโจทก์แถลงว่ายังไม่ได้รับชำระหนี้ ทั้งในสำนวนก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ ๒ ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์แล้ว ดังนี้ จำเลยที่ ๒ จะอ้างเหตุดังกล่าวเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งถอนการอายัดหาได้ไม่ กรณีไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๕ เป็นเรื่องที่จำเลยจะไปว่ากล่าวกับโจทก์เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ศาลชอบที่จะสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ ๒ เสียได้ โดยไม่จำต้องไต่สวนพยานตามคำร้อง
พิพากษายืน.