แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกับ บ. ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีอื่นแบ่งนาพิพาทให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ต่อมาโจทก์จะเข้าทำนาในส่วนที่ได้รับแบ่ง จำเลยขัดขวาง โจทก์จึงฟ้องจำเลยขอให้พิพากษาแสดงว่าส่วนแบ่งเป็นของโจทก์ ดังนี้ การที่โจทก์จะเข้าทำนาในส่วนของโจทก์ ย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้แสดงเจตนาแก่จำเลยว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญาระหว่างจำเลยกับ บ. แล้ว สิทธิของโจทก์จึงย่อมเกิดมีขึ้น จำเลยหาอาจจะเปลี่ยนแปลงหรือระงับสิทธินั้นในภายหลังได้ไม่
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองกับจำเลยที่ ๑ เป็นบุตรนายบุญไตรสงคราม จำเลยทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๐ นายบุญและจำเลยที่ ๒ ได้ยกที่นาให้แก่โจทก์ทั้งสองกับนายเฮียน โดยนายบุญและจำเลยที่ ๒ ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันที่ศาลแบ่งนาออกเป็น ๕ ส่วนเท่า ๆ กันให้จำเลยที่ ๒ ได้หนึ่งส่วนทางด้านทิศเหนือโจทก์ที่ ๒ ได้ถัดจากจำเลยที่ ๒ ไปทางทิศใต้ นายเฮียนได้ถัดจากโจทก์ที่ ๒ และโจทก์ที่ ๑ ได้ตอนใต้สุดถัดจากนายเฮียน พ.ศ. ๒๕๑๑ โจทก์ทั้งสองและนายเฮียนจะเข้าทำนาส่วนของโจทก์ จำเลยทั้งสองขัดขวางไม่ยอมให้โจทก์เข้าทำ จำเลยทั้งสองได้ทอดกล้าลงในนาส่วนได้ของโจทก์ที่ ๒ ด้วย ขอให้พิพากษาแสดงว่าที่นาตามแผนที่สังเขปของจ่าศาล ส่วนที่ ๒ เป็นของโจทก์ที่ ๒ และส่วนที่ ๔ เป็นของโจทก์ที่ ๑
จำเลยทั้งสองให้การว่า นาพิพาททั้งหมดเป็นของจำเลยที่ ๑ โดยนายบุญยกให้ได้ครอบครองเป็นเจ้าของมา ๑๒ ปีแล้ว มีชื่อใน ส.ค.๑ และเสียภาษีบำรุงท้องที่ตลอดมา จำเลยที่ ๒ เป็นสามีจำเลยที่ ๑ โดยมิได้จดทะเบียนสมรส จำเลยที่ ๑ ไม่เคยมอบหมายหรือยินยอมในการที่จำเลยที่ ๒ ทำสัญญากับนายบุญแบ่งที่นาของจำเลยที่ ๑ ให้และบุคคลอื่น จำเลยที่ ๒ เข้าทำนาพิพาทโดยอาศัยสิทธิของจำเลยที่ ๑ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่นาพิพาทส่วนที่ ๒ เป็นของโจทก์ที่ ๒ และส่วนที่ ๔ เป็นของโจทก์ที่ ๑
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายบุญไม่เคยยกนาพิพาทให้แก่จำเลยที่ ๑ นายบุญไม่ทราบว่าจำเลยเอานาพิพาทไปแจ้ง ส.ค.๑ และเพิ่งมาทราบความเมื่อนายบุญจะฟ้องจำเลยที่ ๒ เป็นคดีที่ยอมความกันก่อนที่จำเลยที่ ๒ จะไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับนายบุญในคดีดังกล่าว จำเลยที่ ๑ กับจำเลยที่ ๒ ย่อมทราบเรื่องราวแห่งคดีนั้นเป็นอย่างดี และได้ปรึกษาหารือซึ่งกันและกันถึงทางได้ทางเสียของตนในการที่จะดำเนินคดีอย่างไร เมื่อนายบุญยังมิได้ยกที่นาพิพาททั้งแปลงให้แก่จำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ กับนายบุญจึงผูกพันกันตามสัญญาประนีประนอมยอมความของศาลและตามคำพิพากษาตามยอมแห่งคดีนั้นในอันที่จะชำระหนี้แก่บุคคลภายนอก กล่าวคือในการที่จะแบ่งนาพิพาทให้โจทก์ทั้งสองได้คนละส่วนในส่วนแบ่งทั้งหมด ๔ ส่วนตามข้อตกลงในคดีนั้น โจทก์ทั้งสองซึ่งอยู่ในฐานะบุคคลภายนอกมีสิทธิจะเรียกชำระหนี้จากจำเลยที่ ๒ โดยตรงได้ ตามข้อเท็จจริงในคดี ถือได้ว่าโจทก์ทั้งสองได้แสดงเจตนาแก่จำเลยที่ ๒ ว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญาระหว่างจำเลยที่ ๒ กับนายบุญนั้นแล้ว สิทธิของโจทก์ทั้งสองจึงย่อมเกิดมีขึ้นแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๗๔ จำเลยที่ ๒ หาอาจจะเปลี่ยนแปลงหรือระงับสิทธินั้นในภายหลังได้ไม่ตามมาตรา ๓๗๕ โจทก์ทั้งสองจึงมีสิทธิเรียกส่วนที่ดินดังกล่าวข้างต้นจากจำเลยที่ ๒ ได้ พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น