แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเพียงไปต่อว่าผู้ตายด้วยเรื่องที่ผู้ตายกระทำลวนลามภริยาของจำเลย ผู้ตายกลับใช้มือค้ำคอและบีบคอจำเลยล้มลงจำเลยจึงหยิบมีดโต้ฟันส่ง ๆ ไปหลายทีถูกผู้ตายเกิดบาดแผล 9 แผลถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2512 เวลากลางคืนจำเลยใช้มีดโต้ฟันนายจุ่น แซ่ปึง โดยเจตนาฆ่า เกิดบาดแผลที่ร่างกายนายจุ่นหลายแห่ง และถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่ตำบลลำพญา อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288
จำเลยให้การว่า ฟันผู้ตายเพื่อป้องกันตน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยกับผู้ตายสมัครใจเข้าวิวาทกัน พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ให้จำคุก 15 ปี ลดโทษตามมาตรา 78 ให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 10 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ไม่ใช่กรณีเข้าวิวาทกัน เป็นการกระทำป้องกันแต่เกินกว่าเหตุ พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 69 จำคุก 3 ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยเพียงไปต่อว่าผู้ตายเท่านั้น ผู้ตายก็ใช้มือค้ำคอและบีบคอจำเลยจนล้มลง ศาลฎีกาไม่เชื่อว่าจำเลยซึ่งเล็กกว่า แก่กว่าผู้ตายจะเข้าไปหาเรื่องหรือสมัครใจจะเข้าต่อสู้กับผู้ตายดังที่โจทก์ฎีกา การที่ผู้ตายใช้มือค้ำบีบคอจนจำเลยล้มลง จำเลยก็หยิบมีดโต้สับหมูฟันส่ง ๆ ไป เพื่อให้รอดพ้นจากภยันตรายที่กำลังถึงตนอยู่ เช่นนี้การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันสิทธิของตนแล้ว ตามคำแพทย์ผู้ตรวจและเย็บบาดแผลผู้ตายก่อนถึงแก่ความตายว่า ผู้ตายมีบาดแผลหลายแห่ง บาดแผลต่าง ๆ จะเป็นการฟันเพียงครั้งเดียวไม่ได้ ทั้งจำเลยเองเมื่อให้การชั้นสอบสวนก็ว่าได้ใช้มีดฟันผู้ตายไปหลายที ศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยคงใช้มีดโต้ซึ่งคมมากฟันผู้ตายหลายครั้ง โดยที่จำเลยก็น่าจะทราบว่ามีดที่ฟันนั้นคมมากเพียงฟันครั้งเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้ว ทั้งผู้ตายก็ไม่มีอาวุธอะไรเลย แต่จำเลยกลับใช้มีดนั้นฟันผู้ตายถึง 9 แผล ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำป้องกันเกินสมควรแก่เหตุที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน