แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีฟ้องขับไล่ ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ยังไม่ได้บอกเลิกการเช่า พิพากษายกฟ้อง ในชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยได้รับคำบอกเลิกสัญญาแล้ว และมีอำนาจฟังข้อเท็จจริงในประเด็นที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้ชี้ขาดไว้ว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ได้ เพราะไม่มีกฎหมายอะไรห้าม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากฟ้องแถวและที่ดินที่จำเลยเช่าจากโจทก์ เพื่อประกอบการค้าและอุตสาหกรรม เพราะสัญญาเช่าสิ้นอายุแล้ว กับขอให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วย
จำเลยให้การว่า จำเลยเช่าเพื่ออยู่อาศัยไม่ได้ประกอบกาค้าแลอุตสาหกรรม ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ
ศาลชั้นต้นกะประเด็น ๒ ข้อ คือ ๑. โจทก์ได้บอกเลิกการเช่าหรือไม่ ๒. จำเลยได้รับความคุ้มครองตาม ก.ม.หรือไม่ ๓. โจทก์เสียหายเพียงไรหรือไม่
ศาลแพ่งวินิจฉัยประเด็นข้อ ๑ ว่า โจทก์ยังไม่ได้บอกเลิกการเช่า ไม่ต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่น พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจทก์ได้บอกเลิกการเช่าแล้ว แต่จำเลยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์นอกจากจะคัดค้านว่า จำเลยได้รับความคำบอกกล่าวเลิกสัญญากับโจทก์แล้ว ยังกล่าวต่อไปถึงประเด็นว่า จำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่า ฯ แม้ศาลชั้นต้นจะไม่ได้วินิจฉัยประเด็นข้อนี้ขึ้นวินิจฉัย ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจวินิจฉัยได้ไม่มีอะไรห้าม ส่วนฎีกาข้อ ๒ ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยใช้ที่พิพาทเป็นที่อยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ
พิพากษายืน