คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1873/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 บังคับแต่เพียงจะใช้ตราสารเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้จนกว่าจะได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์และขีดฆ่าแล้วเท่านั้น ซึ่งเป็นที่เห็นได้ชัดว่าตราสารที่มิได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์มาแต่เดิมก็ดี ถ้าได้มีการปิดอากรแสตมป์ขึ้นแล้วในภายหลัง ก็ย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ทันที มิได้มีอะไรสูญเสียไป
โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลยตามเอกสารสัญญากู้ แต่ปรากฏว่า สัญญากู้ปิดอากรแสตมป์ยังไม่ครบถ้วน เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วสืบพยานจำเลยได้ 1 ปาก โจทก์ยื่นคำร้องขอปิดอากรแสตมป์ให้ครบ จำเลยคัดค้านเมื่อสืบพยานจำเลยเสร็จแล้ว ศาลยอมให้โจทก์นำสัญญากู้ไปปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนบริบูรณ์ ดังนี้ ศาลย่อมรับฟังสัญญากู้เป็นพยานหลักฐานได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกต้นเงินกู้ 1,220 บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ยจากจำเลยที่ 1 ในฐานเป็นผู้กู้ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน

ปรากฎว่า เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว สืบพยานจำเลยได้ 1 ปากโจทก์ยื่นคำร้องขอปิดอากรแสตมป์ให้ครบ จำเลยคัดค้าน เมื่อสืบพยานจำเลยเสร็จแล้ว ศาลยอมให้โจทก์นำสัญญากู้ไปปิดอากรแสตมป์ให้ครบถ้วนโจทก์จึงได้นำสัญญากู้ไปปิดอากรแสตมป์กับเจ้าหน้าที่ครบถ้วน

ศาลชั้นต้นเห็นว่า ข้อเถียงของจำเลยที่ว่า ไม่ได้ปิดแสตมป์สัญญากู้ รับฟังเป็นหลักฐานไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร พ.ศ. 2482 มาตรา 118 นั้นไม่สำคัญ เพราะจำเลยรับว่าได้ทำสัญญากู้จริงอยู่แล้ว ถึงจะไม่รับฟังเอกสารนั้นก็ไม่ทำให้คดีเสียไปจึงพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ตามฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 118 บังคับเพียงแต่ว่าจะใช้ตราสารนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งยังไม่ได้จนกว่าจะปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์และขีดฆ่าแล้วเท่านั้น ซึ่งเป็นที่เห็นได้ว่า แม้สัญญากู้ฉบับนี้จะมิได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์มาแต่เดิมก็ตามที แต่ถ้าได้มีการปิดอากรแสตมป์โดยบริบูรณ์ขึ้นแล้วในภายหลัง ก็ย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ทันที มิได้มีอะไรสูญไป

คดีนี้ ศาลชั้นต้นก็ไม่ถือว่าเรื่องอากรแสตมป์นี้เป็นปัญหาสำคัญ และอนุญาตให้ไปจัดการปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ได้ และบัดนี้เอกสารสัญญากู้ฉบับนี้ ก็ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ครบถ้วนตามที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากรมาตรา 118 นั้นแล้ว ฉะนั้นเอกสารสัญญากู้ฉบับนี้จึงใช้เป็นพยานหลักฐานได้โดยสมบูรณ์

จึงพิพากษายืน

Share