แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำผิดด้วยความจำเป็นพอสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 67 ซึ่งไม่ต้องรับโทษ. ชอบที่ศาลชั้นต้นจะพิพากษายกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185. แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษและให้คุมประพฤติจำเลย. ก็มีผลเท่ากับพิพากษายกฟ้อง. และเป็นการยกฟ้องในข้อเท็จจริง. เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยมิได้กระทำผิดพิพากษายกฟ้อง. กรณีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย และช่วยกันพาตัวผู้เสียหายไปเสียจากเคหสถานดังกล่าว แล้วจำเลยได้ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,310, 364, 365, 91
ระหว่างการพิจารณา ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ในความผิดต่อเสรีภาพศาลชั้นต้นให้จำหน่ายคดีในข้อหานี้
จำเลยให้การปฏิเสธในข้อหาบุกรุก
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยกระทำผิดฐานบุกรุกตามฟ้อง แต่เป็นการกระทำโดยจำเป็นพอสมควรแก่เหตุ พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2)(3), 83, 67 ไม่ต้องรับโทษ แต่ให้คุมประพฤติจำเลยไว้ตามพระราชบัญญัติพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 มาตรา 64 ให้จำเลยมารายงานตัวต่อสถานพินิจและคุ้มครองเด็กจังหวัดระยองทุก 4 เดือน มีกำหนด 1 ปีห้ามมิให้จำเลยสูบบุหรี่จนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเด็กและเยาวชนวินิจฉัยว่า การที่ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยกระทำความผิด แต่กระทำไปโดยจำเป็นพอสมควรแก่เหตุ กรณีจึงเข้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 67 ซึ่งบัญญัติว่าไม่ต้องรับโทษ ชอบที่ศาลชั้นต้นจะพิพากษายกฟ้อง ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185ดังกล่าว และเป็นการพิพากษายกฟ้องในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยมิได้กระทำผิดและพิพากษายกฟ้อง กรณีจึงเข้าบทบัญญัติมาตรา 220แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้พิเคราะห์ฎีกาของโจทก์แล้ว โจทก์คงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงว่าจำเลยกระทำผิดศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยตามนัยมาตรา 220 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
พิพากษายกฎีกาโจทก์