คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1220/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีก่อนศาลชี้ขาดแล้วว่า เอกสารกู้ที่ฟ้อง ไม่ปิดอากรแสตมป์ให้ถูกต้อง ไม่รับฟังเป็นพยานหลักฐาน จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้เอาอากรแสตมป์ถูกต้องแล้วมาฟ้องเรียกเงินกู้นี้จากจำเลยใหม่ โดยอ้างว่าเอกสารสัญญากู้ซึ่งมีแสตมป์ครบนั้น เป็นหลักฐานในการฟ้องใหม่ เช่นนี้ เป็นการที่โจทก์เอาพยานหลักฐานซึ่งครั้งหนึ่ง ต้องห้ามไม่รับฟังแล้วนั้นกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ขอให้รับฟังอละขอให้กลับใช้พยานหลักฐานนั้นชี้ขาดว่า มีการกู้ จึงเป็นการฟ้องนำ

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ ๘๒๙๘ บาท จำเลยผิดสัญญา ไม่ใช้คืน จึงขอให้ศาลบังคับ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ฟ้องครั้งหนึ่งแล้ว โจทก์ฟ้องคดีนี้ซ้ำ จึงไม่รับฟ้องไว้พิจารณาตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๑๔๘.
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า กรณีต้องห้ามตามมาตรา ๑๔๔ หาใช่มาตรา ๑๔๘ ไม่ แต่คงพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
คดีคงได้ความว่า โจทก์เคยฟ้องจำเลยเรียกเงินรายเดียวกันนี้ ครั้งหนึ่งแล้ว ในคดีนั้นโจทก์ยื่นคำร้องขอยึดทรัพย์จำเลยก่อนคำพิพากษา ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้อง จึงปรากฎว่า เอกสารสัยญากู้ที่โจทก์ส่งอ้างไม่มีอากรแสตมป์ปิด ศาลชั้นต้นจึงพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด ต่อมาโจทก์จัดการให้ได้ปิดอากรแสตมป์ในเอกสารสัญญากู้ที่กล่าวนั้นจนครบถ้วนแล้ว โจทก์ใช้เอกสารกู้นั้นฟ้องคดีนี้
ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า ในคดีก่อน ศาลชั้นต้นชี้ขาดแล้วว่า เอกสารสัญญากู้รายนี้ไม่ปิดอากรแสตมป์ให้ถูกต้อง แล้วอ้างเอกสารนั้นมาเป็นหลักฐานในการฟ้องใหม่ เช่นนี้ เป็นการที่โจทก์เอาพยานหลักฐาน ซึ่งครั้งหนึ่งต้องห้ามไม่รับฟังแล้วนั้น กลับมาอีกครั้งหนึ่ง ขอให้กลับรับฟัง และขอให้กลับใช้พยานหลักฐานชี้ขาดว่า มีการกู้ จึงเป็นการฟ้องซ้ำ
จึงพิพากษายืน

Share