แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตาม พ.ร.ฎ.ควบคุมโภคภัณฑ์ (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2522 มาตรา 3 ประกอบกฎกระทรวง ฉบับที่ 13 (พ.ศ.2522) ข้อ 1 ระบุเพียงว่า ให้น้ำยาเคมี คลอโรฟอร์ม เป็นโภคภัณฑ์ที่ถูกควบคุม โดยมิได้ระบุว่าจะต้องเป็นน้ำยาเคมี คลอโรฟอร์มบริสุทธิ์แต่อย่างใด จำเลยขนย้ายของเหลวที่มีน้ำยาเคมี คลอโรฟอร์มผสมอยู่โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย จึงเป็นความผิดตามกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ.2495 มาตรา 9 พระราชกฤษฎีกาควบคุมโภคภัณฑ์ (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2522 มาตรา 3, 5 พระราชกฤษฎีกาควบคุมโภคภัณฑ์ (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2525 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 และริบของกลางทั้งหมด
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ.2495 มาตรา 9 วรรคหนึ่ง (ที่ถูก ประกอบพระราชกฤษฎีกาควบคุมโภคภัณฑ์ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ.2522 มาตรา 3, 5 พระราชกฤษฎีกาควบคุมโภคภัณฑ์ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ.2525 มาตรา 4) จำคุก 5 ปี ริบของกลางทั้งหมด
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 3 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยซึ่งมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายว่า ของเหลวของกลางที่จำเลยครอบครองและขนย้ายนั้นเป็นเพียงสารละลายที่มีน้ำยาเคมี คลอโรฟอร์มผสมอยู่กับของเหลวอื่นจึงมิใช่น้ำยาเคมี คลอโรฟอร์มบริสุทธิ์ การขนย้ายของเหลวดังกล่าวจึงไม่จำต้องขออนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด นั้น แม้น้ำยาเคมี คลอโรฟอร์มจะถูกนำไปผสมกับของเหลวอื่น ของเหลวที่ได้ก็จะมีสภาพเป็นของเหลวที่มีน้ำยาเคมี คลอโรฟอร์มผสมอยู่นั่นเอง หาได้ทำให้น้ำยาเคมี คลอโรฟอร์มที่ถูกผสมนั้นกลายสภาพเป็นอย่างอื่นไม่ และตามพระราชกฤษฎีกาควบคุมโภคภัณฑ์ (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2522 มาตรา 3 ประกอบกฎหมายกระทรวงฉบับที่ 13 (พ.ศ.2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ.2495 ข้อ 1 ก็ระบุเพียงว่าให้น้ำยาเคมี คลอโรฟอร์มเป็นโภคภัณฑ์ที่ถูกควบคุม โดยมิได้ระบุว่าจะต้องเป็นน้ำยาเคมี คลอโรฟอร์ม บริสุทธิ์แต่อย่างใด ดังนั้นของเหลวของกลางจึงเป็นโภคภัณฑ์ที่ถูกควบคุมตามพระราชบัญญัติควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ.2495 การขนย้ายของเหลวของกลางซึ่งมีน้ำยาเคมี คลอโรฟอร์มผสมอยู่จึงต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากผู้ว่าราชการจังหวัดแห่งท้องที่นั้น จำเลยขนย้ายของเหลวที่มีน้ำยาเคมี คลอโรฟอร์มผสมอยู่โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย จึงเป็นความผิด ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น ส่วนฎีกาข้ออื่น ๆ ของจำเลยนั้นเป็นข้อปลีกย่อย ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาศาลฎีกา ไม่จำต้องวินิจฉัย
พิพากษายืน