คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 651/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าที่โจทก์เช่ามา จำเลยต่อสู้และฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์โอนการเช่าห้องรายพิพาทให้จำเลย ถ้าโอนไม่ได้ให้ใช้เงิน 3000 บาท เรื่องขอโอนการเช่านั้น เมื่อไม่ปรากฎในฟ้องแย้งว่า ผู้ให้เช่าได้ยินยอมด้วย ก็ไม่มีทางบังคับได้ ส่วนทุนทรัพย์ 3000 บาท ก็เกินอำนาจศาลแขวงที่จะรับไว้บังคับบัญชา ศาลแขวงย่อมสั่งไม่รับฟ้องแย้งดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าที่โจทก์เช่ามาจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์โดยอ้างว่า จำเลยอาศัยโจทก์อยู่ บัดนี้โจทก์ไม่อาจให้จำเลยอยู่อาศัยต่อไปได้ จำเลยไม่ยอมออก จึงต้องฟ้อง
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ได้ใช้กลฉ้อฉลความจริงจำเลยได้ออกเงินค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไป ๓๐๐๐ บาท เพื่อให้โจทก์เป็นผู้เช่า จึงฟ้องแย้งให้โจทก์โอนการเช่าห้องพิพาทแก่จำเลยหรือใช้เงิน ๓๐๐๐ บาทกับดอกเบี้ย
ศาลแขวงพระนครใต้ ไม่รับฟ้องแย้งของจำเลย แล้วพิพากษาให้ขับไล่จำเลย ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า คำขอในฟ้องแย้งของจำเลยเป็น ๒ ประการ คือให้บังคับโจทก์โอนการเช่าห้องรายพิพาทให้จำเลย ถ้าโอนไม่ได้ให้ใช้เงิน ๓๐๐๐ บาท เรื่องขอให้โอนการเช่านั้น ไม่ปรากฏในฟ้องแย้งว่าสำนักงานทรัพย์สิน ฯลฯ ได้ยินยอมด้วย ไม่มีทางบังคับได้ดังศาลชั้นต้น วินิจฉัยมา ส่วนทุนทรัพย์ ๓๐๐๐ บาท ก็เกินอำนาจศาลแขวงที่จะรับไว้บังคับบัญชา ศาลแขวงสั่งไม่รับฟ้องของจำเลย ได้
คงพิพากษายืน

Share