แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยขอฎีกาอย่างคนอนาถาเนื่องจากจำเลยเป็นคนยากจนไม่มีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ อีกทั้งคดีของจำเลยมีเหตุสมควรที่จะฎีกาและมีทางชนะคดีในชั้นฎีกา ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้จำเลยเสียค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกาจำนวน 40,000บาทค่าธรรมเนียมนอกจากนี้ยกเว้น ให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียม ดังกล่าวมาชำระภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำเลยเห็นว่า นายผินมณฑาทิพย์ ตัวจำเลยเดิมซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้ว เป็นคนยากจนมีอาชีพทำนาในที่พิพาทเพียงอย่างเดียว ไม่มีทรัพย์สินอื่นใดนอกจากที่พิพาท ส่วนตัวผู้รับมรดกความแทนที่จำเลยมีอาชีพเป็นกรรมกรรับจ้างทั่วไป มีรายได้เพียงวันละ 80 บาทบางวันก็ว่างงานและไม่มีรายได้ประจำอื่นใดอีกเลย ทั้งยังมีภาระต้องเลี้ยงดูมารดาและภรรยาซึ่งไม่มีอาชีพกับบุตรซึ่งอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน ประกอบกับไม่มีทรัพย์สินอื่นใดและไม่มีญาติพี่น้องที่จะหยิบยืมเงินมาเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ ส่วนเงินจำนวน40,000 บาท ที่ผู้รับมรดกความแทนที่จำเลยได้มาจากการให้เช่าที่พิพาทบางส่วนนั้น ได้ใช้จ่ายชำระหนี้ของจำเลยที่ค้างชำระและที่ยังมีชีวิตอยู่จำนวน 30,000 บาทเศษ และชำระหนี้ค่าทำศพจำเลยผู้วายชนม์อีก 10,000 บาทเศษ จึงไม่มีเงินเหลืออยู่เลยการให้เช่าที่พิพาทดังกล่าวก็เป็นการเช่าเหมากันเป็นเวลาหนึ่งปีครึ่งไม่มีค่าเช่าเป็นรายเดือนแต่อย่างใด โปรดมีคำสั่งอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาเต็มจำนวนแก่จำเลยด้วย
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 272)
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งห้าอุทธรณ์ ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์จำเลยถึงแก่กรรม นายวิเชียรมณฑาทิพย์ บุตรของจำเลย ร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยผู้มรณะ ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์สั่ง ศาลอุทธรณ์สั่งในคำพิพากษาอนุญาตให้นายวิเชียร มณฑาทิพย์เข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่11904/2535 ที่สั่งว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยนั้นไม่มีผลผูกพันโจทก์ทั้งห้า ให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกไปจากที่พิพาทห้ามมิให้จำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องในที่พิพาทอีกต่อไปจำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้จำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาบางส่วน และอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมบางส่วนดังกล่าว (อันดับ 242,241,267)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 270)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้จำเลยมีหน้าที่ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาถึง 200,000 บาท ศาลชั้นต้นให้จำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเพียง 40,000 บาท นับว่าเป็นคุณแก่จำเลยมากแล้วตามทางไต่สวนน่าเชื่อว่า ผู้ร้องมีความสามารถพอที่จะหาค่าขึ้นศาลจำนวน 40,000 บาท มาชำระได้ จึงไม่มีเหตุที่จะยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาให้จำเลยทั้งหมดตามขอ ให้ยกคำร้อง