คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 613/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เหตุจำเป็นที่ไม่อาจเสนอใบลาหรือไม่อาจรอรับอนุญาตให้ลากิจส่วนตัวได้ตามข้อบังคับของจำเลยหมายถึงเหตุที่ลูกจ้างไม่สามารถยื่นใบลาก่อนหยุดงานหรือยื่นใบลาไว้แล้วแต่ไม่สามารถรอฟังคำสั่งอนุญาตของจำเลยได้มิได้หมายถึงความสำคัญหรือความจำเป็นของธุรกิจการงานซึ่งลูกจ้างจะต้องไปกระทำมิฉะนั้นข้อบังคับจะไร้ผลเพราะในกรณีที่ลูกจ้างได้รับหนังสือหรือโทรเลขเรียกตัวกลับบ้านโดยมิได้ระบุรายละเอียดของธุรกิจการงานหรือระบุรายละเอียดอันเป็นเท็จลูกจ้างก็ไม่อาจหยุดงานไปก่อนได้ดังนั้นการที่โจทก์ยื่นใบลากิจส่วนตัวต่อจำเลยโดยแนบโทรเลขซึ่งได้รับจากญาติซึ่งแจ้งให้โจทก์กลับบ้านด่วนนั้นเป็นการยื่นใบลาพร้อมทั้งชี้แจงเหตุจำเป็นซึ่งไม่อาจรอฟังคำสั่งอนุญาตจากจำเลยถูกต้องตามข้อบังคับของจำเลยแล้วแม้ธุรกิจการงานที่โจทก์ลาไปทำนั้นเป็นเพียงไปกู้เงินให้พี่ชายไปทำงานต่างประเทศก็เป็นเรื่องที่โจทก์เพิ่งทราบภายหลังจำเลยจะถือเป็นข้ออ้างไม่อนุมัติใบลาของโจทก์ไม่ได้ จำเลยไม่อนุมัติใบลาของโจทก์โดยถือว่าโจทก์ขาดงานและมีคำสั่งลงโทษภาคทัณฑ์และตัดค่าจ้างเป็นเงิน348บาทโดยไม่ชอบด้วยระเบียบข้อบังคับศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งและให้จำเลยจ่ายเงินค่าจ้างที่ตัดได้ส่วนดอกเบี้ยโจทก์มีสิทธิได้เพียงอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามป.พ.พ.มาตรา224เพราะเป็นเงินค่าจ้างซึ่งจำเลยตัดโดยมีกรณีกล่าวหาว่าโจทก์กระทำผิดต่อระเบียบข้อบังคับของจำเลยไม่ใช่เงินค่าจ้างซึ่งจำเลยผิดนัดในการจ่ายตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานฯข้อ31เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยผิดนัดวันใดหรือโจทก์ทวงถามจำเลยแล้วหรือไม่ศาลให้รับผิดตั้งแต่วันฟ้อง จำเลยถือเอาเหตุที่โจทก์ขาดงานครั้งนี้เป็นเหตุผลหนึ่งประกอบการพิจารณาไม่เลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีให้โจทก์เมื่อเหตุดังกล่าวไม่อาจถือเป็นความผิดของโจทก์การที่จำเลยนำเหตุนี้ไปประกอบการพิจารณาเป็นโทษแก่โจทก์ย่อมเป็นการไม่ชอบแต่เมื่อตัดเหตุดังกล่าวออกแล้วยังมีเหตุอื่นอีกหลายประการที่จำเลยใช้พิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีจำเลยจึงต้องพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีของโจทก์ใหม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย ทำหน้าที่พนักงานขับรถโดยสารประจำทางสาย 111 ได้รับค่าจ้างวันละ 87 บาทเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2528 โจทก์ได้รับโทรเลขจากญาติซึ่งอยู่ที่ต่างจังหวัด แจ้งให้โจทก์กลับบ้านด่วน โจทก์จึงยื่นใบลาขอลากิจต่อจำเลย นับตั้งแต่วันที่ 25 ถึงวันที่ 28 เมษายน 2528 พร้อมทั้งแนบโทรเลขไปด้วย จากนั้นโจทก์หยุดงานและเดินทางไปต่างจังหวัดต่อมาปรากฎว่าจำเลยไม่อนุมัติใบลาของโจทก์และถือว่าโจทก์ขาดงานกับมีคำสั่งลงโทษโจทก์ทางวินัยเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2528 ด้วยการภาคทัณฑ์ และตัดค่าจ้างเป็นเงิน 348 บาท การที่จำเลยไม่อนุมัติใบลาของโจทก์และลงโทษดังกล่าว เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยระเบียบข้อบังคับของจำเลยฉบับที่ 45 และฉบับที่ 46 ซึ่งกำหนดให้สิทธิโจทก์ที่จะลากิจได้ปีละ 7 วัน และมีสิทธิได้รับค่าจ้างเต็มเมื่อได้เสนอใบลาถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับแล้ว นอกจากนี้เมื่อถึงกำหนดปรับค่าจ้างประจำปี 2529 ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2528จำเลยไม่ปรับค่าจ้างให้โจทก์ 1 ขั้นตามระเบียบ คือ จากวันละ87 บาท เป็นวันละ 93 บาท อ้างว่าโจทก์ขาดงานตามวันดังกล่าว ซึ่งเป็นข้ออ้างที่ไม่ชอบเพราะถือไม่ได้ว่าโจทก์ขาดงาน โจทก์มีสิทธิได้รับการปรับอัตราค่าจ้างตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 32528 ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยอนุมัติการลากิจของโจทก์นับตั้งแต่วันที่ 25 ถึงวันที่ 28 เมษายน 2528 ให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่สั่งลงโทษโจทก์ให้จำเลยจ่ายค่าจ้างจำนวน 348 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ15 ต่อปี นับแต่วันที่ 12 พฤษภาคม 2528 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์และให้จำเลยปรับค่าจ้างประจำปีพร้อมทั้งจ่ายค่าจ้างให้โจทก์ในอัตราวันละ 93 บาท นับแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2528 เป็นต้นไป
จำเลยให้การว่า การที่จำเลยมีคำสั่งลงโทษโจทก์ด้วยการตักเตือนและตัดค่าจ้างนั้น เป็นเพราะเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2528 โจทก์ยื่นใบลาขอลากิจต่อนายสุพจน์พนักงานจ่ายงานของจำเลย โดยอ้างเหตุเพียงว่าได้รับโทรเลขทางบ้านให้กลับด่วน แต่มิได้แจ้งเหตุว่ามีเรื่องด่วนสำคัญประการใดบ้าง จากนั้นในวันรุ่งขึ้น โจทก์หยุดงานไปทันที ครั้นโจทก์กลับมาปฏิบัติงานตามปกติ นายประสิทธิผู้จัดการสาย 111 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชานั้นต้นเรียกโจทก์ไปสอบถามถึงความจำเป็นในการลาหยุดงานกะทันหัน เพื่อเสนอเหตุผลถึงผู้บังคับบัญชาประกอบกากรพิจารณาใบลาของโจทก์ แต่โจทก์ปฏิเสธที่จะให้ปากคำต่อมานายใหญ่หัวหน้าแผนกเรียกโจทก์ไปสอบถาม โจทก์แจ้งว่าโจทก์ไปกู้เงินให้พี่ชายไปทำงานที่ต่างประเทศ ผู้บังคับบัญชาพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่โจทก์หยุดงานไปกู้เงินให้พี่ชายไปทำงานที่ต่างประเทศไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่โจทก์จะหยุดงานไปก่อนได้รับอนุมัติให้ลากิจตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยว่าด้วยการลา ฉบับที่ 45ข้อ 11 วรรคท้าย จึงไม่อนุมัติใบลาของโจทก์ และถือว่าโจทก์ขาดงานพร้อมทั้งมีคำสั่งลงโทษโจทก์ เป็นการปฏิบัติถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยแล้ว จำเลยไม่ต้องยกเลิกคำสั่งและคืนค่าจ้างให้แก่โจทก์ สำหรับการเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีนั้น เป็นอำนาจและอยู่ในดุลพินิจของจำเลย ซึ่งต้องพิจารณาหลายเหตุประกอบกันเช่น ความตั้งใจในการทำงาน ความอุตสาหะบากบั่น การลาหยุดงานและความประพฤติอื่น ๆ เป็นต้น การขาดงานเป็นเพียงเหตุหนึ่งเท่านั้นแม้โจทก์จะไม่ขาดงาน ถ้าผลของงานไม่ได้มาตรฐาน จำเลยก็อาจไม่เลื่อนขั้นเงินเดือนให้แก่โจทก์ได้ ไม่ใช่อยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาล ขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ข้อบังคับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ฉบับที่ 45 ว่าด้วยการลาและการจ่ายเงินเดือนหรือค่าจ้างระหว่างลา พ.ศ. 2524 ข้อ 11.2 วรรคสองระบุว่า “การขออนุญาตลากิจส่วนตัวต้องเสนอใบลาต่อผู้บังคับบัญชานั้นต้นก่อนวันเริ่มลาพอสมควรและต้องได้รับอนุญาตก่อนแล้วจึงหยุดงานเพื่อกิจส่วนตัวได้แต่ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นไม่อาจเสนอใบลาหรือไม่อาจรอรับอนุญาตได้จะเสนอใบลาพร้อมทั้งชี้แจงเหตุจำเป็นต่อผู้บังคับบัญชาชั้นต้นภายใน 3 วัน หลังจากหยุดงานเพื่อกิจส่วนตัวไปแล้ว แต่ถ้าได้มาปฏิบัติงานภายใน 7 วัน หลังจากหยุดงานไป ให้เสนอใบลาวันนั้น”ตามข้อบังคับดังกล่าวพอแยกขั้นตอนวิธีการลากิจส่วนตัวได้เป็นสองกรณี คือ กรณีแรก การลากิจส่วนตัวนั้น ลูกจ้างต้องเสนอใบลาต่อผู้บังคับบัญชาชั้นต้นก่อนเริ่มวันลาพอสมควรและต้องได้รับอนุญาตก่อนจึงจะหยุดงานได้ และกรณีที่สอง หากมีเหตุจำเป็นซึ่งไม่อาจเสนอใบลาหรือเสนอใบลาไว้แล้ว แต่ไม่อาจรอฟังคำสั่งอนุญาตได้ก็ให้หยุดงานไปก่อน แต่เมื่อหยุดงานไปแล้ว ต้องเสนอใบลาพร้อมทั้งชี้แจงเหตุจำเป็นภายใน 3 วันนับแต่วันหยุดงาน หรือนับแต่วันมาทำงานตามปกติแล้วแต่กรณี คำว่า “เหตุจำเป็น” ตามข้อบังคับฉบับนี้ย่อมหมายถึงเหตุที่ลูกจ้างไม่สามารถยื่นใบลาก่อนหยุดงาน หรือยื่นใบลาไว้แล้วแต่ไม่สามารถรอฟังคำสั่งอนุญาตของจำเลยได้ มิได้หมายถึงความสำคัญหรือความจำเป็นของธุรกิจการงานซึ่งลูกจ้างจะต้องไปกระทำ หากหมายถึงความสำคัญหรือความจำเป็นของธุรกิจการงาน ซึ่งลูกจ้างจะต้องไปกระทำแล้ว ข้อบังคับก็จะไร้ผลเพราะกรณีที่ลูกจ้างได้รับหนังสือหรือโทรเลขเรียกตัวให้กลับบ้านโดยมิได้ระบุรายละเอียดของธุรกิจการงาน หรือระบุรายละเอียดการงานอันเป็นเท็จ ลูกจ้างก็ไม่อาจหยุดงานไปก่อนได้ เพราะลูกจ้างไม่สามารถทราบล่วงหน้าว่าการงานหรือ ธุรกิจนั้นเป็นเรื่องอะไรมีความจำเป็นหรือเร่งด่วนจะต้องกระทำมากน้อยเพียงใด ดังนั้นการที่โจทก์ยื่นใบลาขอลากิจส่วนตัวต่อจำเลยโดยแนบโทรเลขซึ่งได้รับจากญาติซึ่งแจ้งให้โจทก์กลับบ้านด่วนนั้น เป็นการยื่นใบลาพร้อมทั้งชี้แจงเหตุจำเป็นซึ่งไม่อาจรถฟังคำสั่งอนุญาตจากจำเลยถูกต้องตามข้อบังคับดังกล่าวของจำเลยแล้ว แม้จะปรากฏว่าธุรกิจการงานซึ่งโจทก์ต้องกระทำนั้นเป็นเพียงไปกู้เงินให้พี่ชายไปทำงานที่ต่างประเทศก็ตาม เป็นเรื่องที่โจทก์เพิ่งทราบภายหลังจากการหยุดงานไปแล้ว จำเลยจะถือเหตุนี้เป็นข้ออ้างไม่อนุมัติใบลาของโจทก์หาได้ไม่เมื่อไม่มีเหตุอื่นซึ่งจำเลยจะไม่อนุมัติใบลาของโจทก์ การที่จำเลยไม่อนุมัติใบลาของโจทก์โดยถือว่าโจทก์ขาดงานและมีคำสั่งลงโทษโจทก์นั้น จึงเป็นการไม่ชอบด้วยระเบียบข้อบังคับ ศาลชอบที่จะพิพากษาเพิกถอนคำสั่งและให้จำเลยคืนเงินค่าจ้างจำนวน 348 บาทสำหรับดอกเบี้ยซึ่งโจทก์เรียกร้องในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันที่ 12 พฤษภาคม 2528 นั้น เห็นว่า เงินจำนวนนี้เป็นค่าจ้างซึ่งจำเลยตัดค่าจ้างกรณีกล่าวหาว่าโจทก์กระทำผิดต่อระเบียบข้อบังคับของจำเลย ไม่ใช่เงินซึ่งจำเลยผิดนัดในการจ่ายค่าจ้างตามที่กำหนดในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 31 โจทก์จึงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยได้เพียงในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 และไม่ปรากฏว่าจำเลยผิดนัดวันใดหรือโจทก์ทวงถามจำเลยแล้วหรือไม่ ศาลฎีกาจึงให้จำเลยรับผิดตั้งแต่วันฟ้อง
สำหรับการเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีนั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่า ในการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีของโจทก์นั้นจำเลยถือเอาเหตุที่โจทก์ขาดงานครั้งนี้เป็นเหตุผลหนึ่งประกอบการพิจารณาไม่เลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีให้แก่โจทก์ เมื่อเหตุดังกล่าวไม่อาจถือเป็นความผิดของโจทก์ การที่จำเลยนำเหตุนี้ไปประกอบการพิจารณาซึ่งเป็นโทษแก่โจทก์ย่อมเป็นการไม่ชอบ อย่างไรก็ตาม เมื่อตัดเหตุดังกล่าวออกแล้ว จำเลยก็ยังมีเหตุอื่นอีกหลายประการในการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปี ฉะนั้นจำเป็นต้องให้จำเลยพิจารณาการเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีของโจทก์ใหม่ โดยพิจารณาเฉพาะเหตุอื่นว่า โจทก์มีสิทธิหรือควรได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปี 2528 ตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยหรือไม่
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ไม่อนุมัติใบลาของโจทก์ โดยถือว่าโจทก์ได้รับอนุมัติให้ลากิจกตั้งแต่วันที่ 25 ถึงวันที่ 28 เมษายน 2528 ให้เพิกถอนคำสั่งที่ 179/2528 ของจำเลยซึ่งสั่งลงโทษโจทก์ ให้จำเลยจ่ายค่าจ้างจำนวน 348 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์และให้จำเลยพิจารณาการเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปี 2528 ของโจทก์ใหม่ตามนัยที่กล่าวข้างต้น.

Share