แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อที่ว่าจำเลยได้กระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72 นั้น แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การ ศาลก็หยิบยกขึ้นอ้างเองได้ เพราะเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดพกปลายแหลมเป็นอาวุธแทงทำร้ายร่างกายนายคำแหง บัวคอม ถึงแก่ความตายโดยเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่งตามมาตรา 75 แล้ว คงจำคุก 8 ปี
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง แต่ถ้าเห็นว่าจำเลยกระทำผิดจริง การกระทำของจำเลยก็เป็นบันดาลโทสะ ขอให้วางโทษสถานเบา
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่ผู้ตายใช้ท่อนเหล็กลอบตีศีรษะจำเลยโดยแรงก่อนแล้ววิ่งหนีไป จำเลยลุกขึ้นได้วิ่งไล่ตามไปใช้มีดแทงผู้ตายในขณะนั้น ถือได้ว่าจำเลยบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยกระทำผิดโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่งตามมาตรา 75 แล้วคงจำคุก 2 ปี 6 เดือน ฯลฯ
โจทก์ฎีกาว่า การที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกเรื่องบันดาลโทสะขึ้นมาพิจารณาพิพากษาเป็นการขัดกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 เพราะจำเลยมิได้ยกเป็นข้อต่อสู้กันมาแล้วแต่ศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยใช้มีดแทงผู้ตายเป็นกรณีที่ถือว่าจำเลยได้กระทำโดยบันดาลโทสะเพราะถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม อันความผิดของจำเลยประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 เช่นนี้ แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การว่า จำเลยได้กระทำไปโดยบันดาลโทสะก็ดี ศาลอุทธรณ์ก็หยิบยกขึ้นอ้างเองได้เพราะเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ฯลฯ
พิพากษายืน