คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6111/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตาม พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน มาตรา 8 ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ที่จะแก้ไขค่ารายปีเสียใหม่ในแต่ละปีที่จะต้องชำระภาษีได้ ถ้าเห็นว่าค่ารายปีที่กำหนดตามค่าเช่าเดิมมิใช่จำนวนอันสมควรจะให้เช่าได้ในปีที่จะเรียกเก็บภาษีนั้นเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ประเมินค่ารายปีแล้วแต่โจทก์อ้างว่าค่ารายปีที่ประเมินใหม่ไม่ชอบ โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นว่าค่ารายปีที่ประเมินใหม่สูงกว่าค่าเช่าที่อาจให้เช่าได้ในปีนั้นถ้าโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นก็ต้องถือว่าค่ารายปีที่เจ้าพนักงานประเมินใหม่ ชอบแล้ว โรงเรือนที่จะได้รับยกเว้นมิต้องเสียภาษีตาม พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน มาตรา 9(5) ต้องเป็นโรงเรือนที่ปิดไว้ตลอดปี การที่โรงเรือนพิพาทมิได้ให้เช่าตลอดปีนั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นโรงเรือนปิดไว้ตลอดปี กรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นที่จะได้รับการยกเว้นภาษี.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองประเมินภาษีโรงเรือนให้โจทก์ชำระเป็นการไม่ชอบโจทก์อุทธรณ์แล้วจำเลยทั้งสองยังคงยืนตามเดิมขอให้เพิกถอนแบบแจ้งการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินและคำวินิจฉัยชี้ขาดอุทธรณ์ของสำนักงานเทศบาลเมืองศรีสะเกษเสียกับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงินค่าภาษีที่โจทก์ชำระเกินจำนวน6,350 บาท แก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า การประเมินภาษีโรงเรือน จำเลยที่ 1กระทำไปโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้องโจทก์
ระหว่างนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 ศาลอนุญาตและสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความ
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 8 บัญญัติว่า “ค่าภาษีตามภาค 1 นี้ให้ผู้รับประเมินชำระปีละครั้งตามค่ารายปีของทรัพย์สินคือโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น ๆ กับที่ดิน…
“ค่ารายปี” ตามภาค 1 นี้ ให้หมายความว่า จำนวนเงินซึ่งทรัพย์สินนั้น ๆ สมควรจะให้เช่าได้ในปีหนึ่ง ๆ ถ้าทรัพย์สินนั้นให้เช่า ท่านว่าค่าเช่านั้นเป็นหลักคำนวณค่ารายปี แต่ถ้ามีเหตุอันบ่งให้เห็นว่าค่าเช่านั้นมิใช่จำนวนเงินอันสมควรจะให้เช่าได้ในปีหนึ่ง ๆ ไซร้ ท่านว่าพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจแก้หรือคำนวณค่ารายปีเสียใหม่” จึงเห็นได้ว่าค่ารายปีที่จะใช้ในการคำนวณภาษีนั้นพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจที่จะแก้ไขค่ารายปีเสียใหม่ในแต่ละปีที่จะต้องชำระภาษีได้ ถ้าเห็นว่าค่ารายปีที่กำหนดตามค่าเช่าเดิมนั้นมิใช่จำนวนอันสมควรจะให้เช่าได้ในปีที่จะเรียกเก็บภาษีนั้น ตามคำฟ้องของโจทก์มิได้ยกขึ้นเลยว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่มีเหตุที่จะกำหนดค่ารายปีเพิ่มขึ้น จึงต้องถือว่าเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่มีเหตุฟังกำหนดค่ารายปีเพิ่มขึ้น ส่วนที่กำหนดเพิ่มใหม่จะเป็นค่ารายปีที่ชอบหรือไม่นั้น ข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยรับกันได้ความว่า ค่ารายปีที่กำหนดใหม่นั้นพนักงานเจ้าหน้าที่กำหนดสูงกว่าปีก่อนร้อยละ 36 จำนวนค่ารายปีที่สูงกว่าปีก่อนร้อยละเท่าใดนั้น ไม่เป็นการแน่นอนที่จะชี้ให้เห็นว่าเป็นค่ารายปีที่ไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริง ค่ารายปีที่กำหนดจะชอบหรือไม่นั้นอยู่ที่ว่าเป็นค่ารายปีที่กำหนดจากค่าเช่าที่อาจให้เช่าได้เป็นหลักหรือไม่โจทก์อ้างว่าค่ารายปีที่ประเมินใหม่ไม่ชอบ โจทก์ก็มีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นเป็นเบื้องต้นว่า ค่ารายปีที่ประเมินใหม่นั้นเป็นค่ารายปีที่สูงกว่าค่าเช่าที่อาจให้เช่าได้ในปีนั้น แต่โจทก์ก็มิได้นำสืบในข้อนี้ กรณีจึงเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่นำสืบให้เห็นข้ออ้างในคำฟ้องต้องฟังว่าค่ารายปีที่เจ้าพนักงานประเมินใหม่นั้นเป็นการประเมินที่ชอบ อุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาวินิจฉัยต่อไปมีว่า โรงเรือนที่โจทก์ไม่ได้ให้เช่าตลอดปีนั้น โจทก์จะต้องชำระภาษีหรือไม่ พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 9 บัญญัติว่า “ทรัพย์สินดั่งต่อปีนี้ท่านให้ยกเว้นจากบทบัญญัติแห่งภาคนี้ ฯลฯ
(5) โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น ๆ ซึ่งปิดไว้ตลอดปีและเจ้าของมิได้อยู่เอง หรือให้ผู้อื่นอยู่ นอกจากคนเฝ้าในโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น ๆ หรือในที่ดินซึ่งใช้ติดต่อกัน”
ตามบทบัญญัติดังกล่าวเห็นได้ว่า โรงเรือนที่จะได้รับยกเว้นมิต้องเสียภาษีจะต้องเป็นโรงเรือนที่ปิดไว้ตลอดปี โรงเรือนที่พิพาทนั้นมิใช่โรงเรือนที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของอยู่เอง การที่ข้อเท็จจริงยุติเพียงว่า โรงเรือนที่พิพาทโจทก์มิได้ให้เช่านั้นมิได้หมายความว่าโรงเรือนนั้นจะมิได้ใช้ประโยชน์อย่างอื่นอันจะถือได้เหมือนกับเป็นโรงเรือนซึ่งปิดไว้ตลอดปี ตามที่บัญญัติไว้ในบทกฎหมายข้างต้น ดังนั้น โรงเรือนที่พิพาทของโจทก์จึงไม่อยู่ในข้อยกเว้นที่เป็นทรัพย์สินที่ได้รับยกเว้นภาษีโรงเรือน พนักงานเจ้าหน้าที่ประเมินให้โจทก์เสียภาษีโรงเรือนที่พิพาทจึงเป็นการชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share