คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 611/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ที่ถูกฉุดคร่าห์ได้แจ้งแก่ผู้ใหญ่บ้านว่าคนร้ายฉุดคร่าห์ ขอให้จับกุมผู้ใหญ่บ้านไม่จับกุมและไม่รายงานดังนี้ ผู้ถูกฉุดคร่าห์อาจเป็นผู้เสียหายตามมาตรา 28 ป.ม.วิ.อาญา ที่จะดำเนินการฟ้องร้องผู้ใหญ่บ้านเป็นจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 142 ได้ ทั้งนี้สุดแล้วแต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฎในทางพิจารณา

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องว่าหาว่า จำเลยที่ ๑ เป็นผู้ใหญ่บ้านจำเลยที่ ๒ เป็นราษฎร นางสาวเคลือบได้กล่าวโทษต่อจำเลยที่ ๒ เป็นราษฎร นางสาวเคลือบได้กล่าวโทษต่อจำเลยที่ ๑ ขอให้จับกุมนายชู+ กับพวก ซึ่งฉุดคร่าห์นางสาวเคลือบไปเพื่อการอนาจาร และจำเลยทั้งสองได้สมคบกันหน่วงเหนี่ยวกักขังนางสาวเคลือบไว้ ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๔๒,๒๗๐,๒๗๖,
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วสั่งว่า คดีมีมูลเฉพาะจำเลยที่ ๒ ในข้อหาฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังตามมาตรา ๒๗๐ และพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ ๑ อ้างว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยตามมาตรา ๑๔๒
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนิจการพิจารณาจำเลยที่ ๑ แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๑ หาว่ามีเจตนาทุจริต ละเว้นไม่ทำากรจับกุมผู้กระทำผิดและไม่รายงานโดยมีเจตนาช่วยเหลือนายชูกับพวกผู้กระทำผิดให้พ้นอาญา หากเป็นความจริงตามที่โจทก์ฟ้อง นางสาวเคลือบก็ตกอยู่ในฐานะเป็นผู้เสียหายได้ ทั้งนี้สุดแล้วแต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฎในทางพิจารณา
พิพากษายืน

Share