แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด เป็นผู้รับจำนำสินค้าจากจำเลยที่ 1 มีบุริมสิทธิในฐานะเป็นผู้รับจำนำ ส่วนผู้ร้องเป็นผู้รับฝากสินค้าจากจำเลยที่ 1 มีบุริมสิทธิในฐานะผู้รับฝากทรัพย์เช่นกัน จึงเป็นกรณีที่บุริมสิทธิของผู้ร้องในฐานะผู้รับฝากสินค้าแย้งกับสิทธิจำนำของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ซึ่งกรณีเช่นนี้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ในฐานะผู้รับจำนำย่อมมีสิทธิเป็นอย่างเดียวกันกับผู้ทรงบุริมสิทธิในลำดับที่หนึ่ง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 282 แม้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด มีบุริมสิทธิอยู่ในลำดับที่หนึ่งในฐานะผู้รับจำนำสินค้า แต่ขณะที่รับจำนำสินค้าได้ทราบแล้วว่าผู้ร้องเป็นผู้รับฝากสินค้าของจำเลยที่ 1 ไว้ก่อนแล้วซึ่งการที่ผู้ร้องรับฝากสินค้าของจำเลยที่ 1 ไว้ก็เพื่อประโยชน์แก่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ผู้มีบุริมสิทธิในลำดับที่หนึ่งนั้นเองด้วย ดังนี้ กรณีจึงต้องห้ามมิให้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ใช้สิทธิในฐานะผู้มีบุริมสิทธิในลำดับที่หนึ่งนั้นต่อผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับฝากสินค้าหรือผู้รักษาทรัพย์ซึ่งมีบุริมสิทธิอยู่ในลำดับที่สองตามนัยมาตรา 278 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และแม้กฎหมายมิได้บัญญัติไว้แจ้งชัดว่ากรณีเช่นนี้ ผู้ร้องในฐานะผู้รับฝากสินค้าหรือผู้รักษาทรัพย์มีสิทธิรับชำระหนี้ก่อนหรือหลังบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ผู้รับจำนำเพียงใดก็ตามแต่เมื่อบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ไม่อาจใช้สิทธิในฐานะผู้มีบุริมสิทธิในลำดับที่หนึ่งต่อผู้ร้องได้เช่นนี้แล้วจึงถือได้ว่าผู้ร้องย่อมมีบุริมสิทธิดีกว่าบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด และมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำการยึดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ที่ฝากกับผู้ร้อง ผู้ร้องจึงยื่นคำขอรับชำระหนี้อย่างเจ้าหนี้บุริมสิทธิ แต่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ยื่นคำร้องคัดค้านว่าผู้ร้องไม่ใช่เจ้าหนี้มีประกันไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ สอบสวนแล้วมีคำสั่งให้ผู้ร้องมีสิทธิได้รับชำระหนี้ค่าฝากสินค้าเป็นเงิน 20,250 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี โดยให้สิทธิรับภายหลังที่เหลือจากชำระหนี้ให้แก่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด แล้ว ขอให้แก้ไขคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ โดยให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้ก่อนบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านทำนองเดียวกันว่าแม้ผู้ร้องจะเป็นเจ้าหนี้มีประกัน แต่ก็อยู่ในลำดับที่จะได้รับชำระหนี้ภายหลังบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัดซึ่งเป็นผู้รับจำนำ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 โดยให้สิทธิผู้ร้องได้รับชำระหนี้จากการขายทอดตลาดในลำดับเดียวกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจจำกัด
ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัดเป็นผู้รับจำนำสินค้าจากจำเลยที่ 1 มีบุริมสิทธิในฐานะผู้รับจำนำส่วนผู้ร้องเป็นผู้รับฝากสินค้าจากจำเลยที่ 1 มีบุริมสิทธิในฐานะผู้รับฝากทรัพย์เช่นกัน จึงเป็นกรณีที่บุริมสิทธิของผู้ร้องในฐานะผู้รับฝากสินค้าแย้งกับสิทธิจำนำของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ซึ่งกรณีเช่นนี้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ในฐานะผู้รับจำนำย่อมมีสิทธิเป็นอย่างเดียวกันกับผู้ทรงบุริมสิทธิในลำดับที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 282 แม้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัดมีบุริมสิทธิอยู่ในลำดับที่ 1 ในฐานะผู้รับจำนำสินค้า แต่ขณะที่รับจำนำสินค้าได้ทราบแล้วว่าผู้ร้องเป็นผู้รับฝากสินค้าของจำเลยที่ 1 ไว้ก่อนแล้วซึ่งการที่ผู้ร้องรับฝากสินค้าของจำเลยที่ 1ไว้ก็เพื่อประโยชน์แก่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัดผู้มีบุริมสิทธิในลำดับที่หนึ่งนั้นเองด้วย ดังนี้ กรณีจึงต้องห้ามมิให้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ใช้สิทธิในฐานะผู้มีบุริมสิทธิในลำดับที่หนึ่งนั้นต่อผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับฝากสินค้า หรือผู้รักษาทรัพย์ซึ่งมีบุริมสิทธิอยู่ในลำดับที่สองตามนัยมาตรา 278 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และแม้กฎหมายมิได้บัญญัติไว้แจ้งชัดว่ากรณีเช่นนี้ ผู้ร้องในฐานะผู้รับฝากสินค้าหรือผู้รักษาทรัพย์มีสิทธิรับชำระหนี้ก่อนหรือหลังบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ผู้รับจำนำเพียงใดก็ตามแต่เมื่อบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ไม่อาจใช้สิทธิในฐานะผู้มีบุริมสิทธิในลำดับที่หนึ่งต่อผู้ร้องได้เช่นนี้แล้วจึงถือได้ว่าผู้ร้องย่อมมีบุริมสิทธิดีกว่าบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด และมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด
พิพากษาแก้เป็นว่า ผู้ร้องมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ในลำดับก่อนบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น