คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 611/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ที่พิพาทซึ่งเป็นที่มือเปล่าจะเป็นของโจทก์ และโจทก์ได้ฝากหรือให้จำเลยเช่าต่อมาก็ดี เมื่อโจทก์จะ ขอเอาคืน จำเลยได้ตั้งตัวเป็นปรปักษ์ โต้เถียงว่า ที่พิพาทตกเป็นสิทธิแก่จำเลยแล้วโดยสามีโจทก์ขายให้ ดังนี้ การครอบครองในตอนนี้เป็นการครอบครองปรปักษ์ และเป็นการแย่งสิทธิครอบครองของโจทก์ซึ่งโจทก์ทราบได้ดีแล้ว แต่ไม่ได้จัดการฟ้องคดีเสียในกำหนดหนึ่งปี จึงหมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองของตนได้ ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1375.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้องกับนาพิพาทโดยอ้างว่าเป็นของโจทก์ เดิมฝากจำเลยทั้งสองไว้ ภายหลังให้เช่า บัดนี้โจทก์จะเอาคืน จำเลยไม่ยอมให้ จำเลยที่ ๑ ให้การว่า นาพิพาทตอนที่จำเลยครอบครอง โจทก์ขายให้จำเลยมา ๗ ปีแล้ว จำเลยที่ ๒ ให้การว่า นาพิพาทตอนที่จำเลยครอบครองเป็นนามฤดกได้แก่นางบุญภรรยาจำเลย นางบุญตาย นาส่วนนี้จึงตกเป็นของจำเลย ศาลชั้นต้นพิพากษาว่านาพิพาทจำเลยที่ ๑ ครอบครองเป็นของโจทก์ จึงห้ามมิให้จำเลยที่ ๑ เกี่ยวข้อง ส่วนนาพิพาทที่จำเลยที่ ๒ ครอบครองไม่ใช่นาของโจทก์ ให้ยกฟ้องฉะเพาะตัวจำเลยที่ ๒ เสีย ศาลอุทธรณ์แก้ให้ยกฟ้องโจทก์เสียทั้งหมด
โจทก์ฎีกา, ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาฉะเพาะที่นาที่จำเลยที่ ๑ ครอบครอง
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ทราบแล้วว่าจำเลยไม่ยอมคืนนาพิพาทให้โจทก์ โดยอ้างว่า ผัวโจทก์ขายให้จำเลยแล้ว นับแต่นั้นมาจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องเกิน ๑ ปีแล้ว แม้เดิมที่พิพาทเป็นของโจทก์ และโจทก์ได้ฝากหรือให้นายแจ่มจำเลยเช่าต่อมาก็ดี ปรากฎว่าเมื่อโจทก์จะเอาคืน จำเลยโต้เถียงว่านาพิพาทตกเป็นสิทธิแก่จำเลยแล้ว โดยอ้างว่าสามีโจทก์ขายให้ การครอบครองของจำเลยในตอนนี้เป็นการครอบครองในฐานะเป็นเจ้าของโดยเปิดเผย และเป็นการแย่งสิทธิครอบครองของโจทก์ ซึ่งโจทก์ทราบดีแล้ว และหาได้จัดการฟ้องร้องคดีเสียภายในกำหนดหนึ่งปีไม่ จึงหมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองได้ เพราะเป็นที่นามือเปล่า ซึ่งเจ้าของมีสิทธิการครอบครองเท่านั้น ต้องห้ามตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา ๑๓๗๕
พิพากษายืน

Share