คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำร้องของจำเลยที่ขอให้พิจารณาใหม่โดยอ้างว่ามิได้จงใจขาดนัดพิจารณาเพราะวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยเดินทางมาถึงศาลก่อนเวลานัด ปรากฏว่าไม่มีเลขคดี ชื่อโจทก์และจำเลยในใบลอยทนายจำเลยไปที่ห้องเก็บสำนวน ไม่พบสำนวนเจ้าหน้าที่ห้องเก็บสำนวนดูวันนัดบนปกสำนวนแล้วแจ้งว่าคดีนัดวันรุ่งขึ้น ครั้นวันรุ่งขึ้นจำเลยมาศาลจึงทราบว่า ศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาและพิพากษาคดีแล้วตั้งแต่วันวาน ดังนี้ หากความจริงเป็นไปดังที่จำเลยอ้าง ย่อมฟังได้ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นจึงต้องไต่สวนและมีคำสั่งตามรูปคดี.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยซึ่งขาดนัดพิจารณาชำระเงิน 137,064 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยยื่นคำร้องว่า ไม่ได้จงใจขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าทนายจำเลยลงลายมือชื่อรับทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาแล้วเมื่อถึงวันนัดจำเลยไม่มาศาลตามเวลานัดคือเวลา 9.00 นาฬิกา แม้ศาลได้เลื่อนการพิจารณาไปเป็นเวลา 13.30 นาฬิกา จำเลยก็ยังไม่มาศาลเห็นว่าจำเลยจงใจขาดนัดพิจารณา ไม่จำเป็นต้องไต่สวน ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและสั่งใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ปรากฏว่าตามคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยนั้นจำเลยอ้างว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณา เพราะในวันนัดสืบพยานโจทก์คือวันที่ 3 พฤศจิกายน 2529 จำเลยเดินทางมาถึงศาลเวลา 8.50 นาฬิกา ก่อนเวลา 9.00 นาฬิกาซึ่งเป็นเวลานัดจำเลยไปดูใบลอยบนกระดานดำที่หน้าศาลว่า คดีนี้ศาลนัดพิจารณาที่บัลลังก์ใด ปรากฏว่าไม่มีเลขคดี ชื่อโจทก์และจำเลยในคดีนี้ที่ใบลอยดังกล่าว ทนายจำเลยจึงไปที่ห้องเก็บสำนวนคดีดำของศาลเพื่อขอดูสำนวนคดีนี้ปรากฏว่าสำนวนไม่อยู่ในช่องเก็บสำนวน เจ้าหน้าที่ห้องเก็บสำนวนดูวันนัดบนปกสำนวนแล้วแจ้งแก่ทนายจำเลยว่าคดีนัดวันที่ 4 พฤศจิกายน 2529 ไม่ใช่วันที่ 3 พร้อมกับนำปกสำนวนให้ทนายจำเลยดู ทนายจำเลยจึงเข้าใจว่าลงนัดในสมุดนัดผิดพลาดไป เพราะในใบลอยบนกระดานดำของศาลก็ไม่มีเลขคดี ชื่อโจทก์และจำเลยในคดีนี้ทนายจำเลยจึงเดินทางกลับ รุ่งขึ้นวันที่ 4 พฤศจิกายน 2529 เวลา 9.00นาฬิกา ทนายจำเลยเดินทางมาศาล พบว่ามีเลขคดีชื่อโจทก์และชื่อจำเลยในใบลอยของศาลจำเลยจึงไปที่บัลลังก์ 32 ตามที่ลงไว้ในใบลอย ก็ได้ทราบจากเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ว่า ศาลสั่งว่า จำเลยขาดนัดพิจารณาและพิพากษาคดีไปแล้วตั้งแต่วันที่3 พฤศจิกายน 2529 พิเคราะห์คำร้องของจำเลยดังกล่าวแล้วเห็นว่าหากความจริงเป็นไปดังที่จำเลยอ้าง ย่อมฟังได้ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณา ที่ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยและมีคำสั่งใหม่นั้น ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยอุทธรณ์เฉพาะคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยแต่มิได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้้นด้วย ทั้งอุทธรณ์ดังกล่าวของจำเลยก็มิได้บรรยายคำฟ้องของโจทก์ คำให้การของจำเลยและคำพิพากษาของศาลชั้นต้นอุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่าไม่มีกฎหมายใดบังคับให้จำเลยต้องกระทำดังที่โจทก์กล่าวอ้างแต่ประการใด…’
พิพากษายืน.

Share