แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยรับราชการเป็นภารโรงในกองหนังสือสำคัญกรมที่ดิน มีหน้าที่ดูแลรักษาความสะอาด ปิดเปิดประตูหน้าต่าง ดูแลรักษาทรัพย์สมบัติของทางราชการโดยทั่วไปกองหนังสือสำคัญ จำเลยเลื่อนขึ้นรับเงินเดือนตำแหน่งเสมียน แต่ยังคงทำงานในหน้าที่ภารโรงตามเดิม จำเลยเป็นผู้ถือลูกกุญแจตู้ที่เก็บของ และถือลูกกุญแจห้องที่ไขตู้ด้วย เสมียนในกองหนังสือสำคัญเป็นผู้มอบทรัพย์ให้จำเลยดูแลรักษาตามคำสั่งหัวหน้ากอง จำเลยได้เอาทรัพย์สิ่งของต่าง ๆ อันเป็นของใช้ในราชการกองหนังสือสำคัญไป ดังนี้ จำเลยย่อมมีผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานทุจจริตต่อหน้าที่ตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา 131.
ย่อยาว
ความว่า จำเลยรับราชการเป็นภารโรงในกองหนังสือสำคัญกรมที่ดินมาก่อน มีหน้าที่ดูแลรักษาความสะอาดปิดเปิดประตูหน้าต่าง ดูแลรักษาทรัพย์สมบัติของทางราชการโดยทั่วไปในกองหนังสือสำคัญ จำเลยเลื่อนขึ้นรับเงินเดือนตำแหน่งเสมียน แต่จำเลยยังคงทำงานในหน้าที่ภารโรงตามเดิม จำเลยเป็นผู้ถือลูกกุญแจตู้ที่เก็บของและถือกุญแจห้องที่ไขตู้นั้นด้วย นายแคล้วเสมียนในกองหนังสือสำคัญเป็นผู้มอบทรัพย์ที่จำเลยเอาไปให้จำเลยดูแลรักษาตามคำสั่งของหัวหน้ากอง จำเลยได้เอาทรัพย์สิ่งของต่าง ๆ อันเป็นของใช้ในราชการกองหนังสือสำคัญไป ซึ่งเก็บไว้ในตู้เก็บของ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา ๑๓๑,๓๑๙ พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม ก.ม.ลักษณะอาญา พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๓ จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยลักทรัพย์ พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีผิด ตามมาตรา ๓๑๙(๑) , จำคุก ๖ เดือน แต่ให้รอการลงอาญาไว้
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานทุจจริตต่อหน้าที่ตามมาตรา ๑๓๑ พิพากษาแก้ ให้จำคุกจำเลย ๒ ปี ลดฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๑ ปี