คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยให้การในตอนแรกว่าไม่เคยทำสัญญาเช่ากับโจทก์และไม่ทราบว่าโจทก์วางมัดจำไว้ แต่ตอนหลังกลับให้การว่าจำเลยไม่ต้องคืนเงินมัดจำให้โจทก์เพราะหักเป็นค่าเสียหายที่โจทก์ก่อขึ้นกับห้องเช่าที่ส่งมอบคืน ดังนี้เป็นคำให้การที่ขัดแย้งกันไม่ชัดแจ้งว่าจำเลยให้โจทก์เช่าห้องและรับเงินมัดจำไว้หรือไม่ เป็นคำให้การที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง จำเลยไม่มีประเด็นนำสืบตามคำให้การ แต่คำให้การดังกล่าวเป็นที่เข้าใจได้ว่าเป็นการปฏิเสธฟ้องโจทก์โดยสิ้นเชิง คดียังมีประเด็นข้อพิพาท โจทก์ต้องนำสืบให้ได้ความตามฟ้องจึงจะชนะคดีได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เช่าห้องเลขที่ 7 ของโรงแรมแอมบาสซาเดอร์จากจำเลยมีกำหนด 1 ปี ได้วางมัดจำค่าเสียหายไว้เป็นเงิน 168,000 บาท เมื่อสิ้นสุดสัญญาเช่าแล้วจำเลยไม่คืนเงินมัดจำให้ จึงขอให้บังคับจำเลยคืนเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ไม่เคยทำสัญญาเช่าและเรียกเงินมัดจำตามฟ้องโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเงินมัดจำคืนเพราะจำเลยได้หักเงินมัดจำเป็นค่าเสียหายของห้องเช่าที่โจทก์ส่งมอบแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาศาลชั้นต้นงดสืบพยาน แล้ววินิจฉัยว่าคำให้การไม่ชัดแจ้งจำเลยไม่มีประเด็นที่จะสืบ ข้อเท็จจริงต้องรับฟังตามฟ้อง พิพากษาให้จำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยตามฟ้องแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ต้องนำสืบให้ได้ความตามฟ้องพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์ต่อไปจนสิ้นกระแสความแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คำให้การจำเลยมีใจความในตอนแรกว่าจำเลยไม่เคยทำสัญญาเช่ากับโจทก์ และจำเลยไม่ได้ให้โจทก์เช่าห้องเลขที่7 ไม่ทราบว่าโจทก์วางมัดจำการเสียหายไว้เป็นเงิน 168,000 บาท แต่ตอนหลังกลับให้การว่าจำเลยไม่ต้องคืนเงินมัดจำความเสียหายให้แก่โจทก์เพราะคิดหักเป็นค่าเสียหายที่โจทก์ก่อขึ้นกับห้องเช่าที่ส่งมอบคืน เป็นคำให้การจำเลยที่ขัดแย้งกัน ไม่ชัดแจ้งว่าจำเลยให้โจทก์เช่าห้องและรับเงินมัดจำไว้หรือไม่ รวมทั้งเหตุแห่งการนั้นด้วย จึงเป็นคำให้การจำเลยที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง จำเลยจึงไม่มีประเด็นจะนำมาสืบตามคำให้การ… แต่ไม่ถือว่าเป็นการรับข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์ คำให้การของจำเลยเป็นที่เข้าใจว่าเป็นการปฏิเสธฟ้องโจทก์โดยสิ้นเชิง คดียังมีประเด็นข้อพิพาทโจทก์จึงยังต้องนำสืบให้ได้ตามฟ้องจึงจะชนะคดีได้…”
พิพากษายืน.

Share