แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยขับรถยนต์โดยสารภายในอัตราความเร็วตามกฎหมาย เมื่อแซงขึ้นหน้ารถคันอื่นพ้นไปแล้ว ก็เป็นเวลาพอดีที่มีรถถอยหลังออกจากซอยทางขวามือมาขวางถนนในระยะกระชั้นชิดเพียง 5 – 6 เมตร จำเลยจึงหักพวงมาลัยหลบเป็นเหตุให้รถด้านซ้ายตกขอบทาง และเมื่อจำเลยหักขวาจะเข้าทางจึงเกิดเสียหลักพลิกตะแคงเป็นเหตุให้ผู้โดยสารถึงตายและบาดเจ็บ ดังนี้ เห็นได้ว่าเป็นเรื่องที่จำเลยไม่าอาจหลีกเลี่ยงให้พ้นภยันตรายโดยวิธีอื่นใดได้ นอกจากที่ได้ปฏิบัติไปแล้วนี้ กรณีไม่พอฟังว่าจำเลยได้กระทำโดยประมาท
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยขับรถยนต์โดยสารโดยประมาท  เป็นเหตุให้ผู้โดยสารถึงตายและบาดเจ็บ  ทั้งนี้  โดยจำเลยขับไปด้วยความเร็วสูงบนถนนที่ลื่นขณะฝนกำลังตก และขณะที่แซงรถคันอื่นขึ้นบนทางโค้งพ้นไปแล้ว เป็นเวลาพอดีมีรถยนต์แล่นถอยหลังออกมาจากซอยด้านขวามือ  จำเลยมิได้หยุดรถแต่กลับหักหลบไปทางซ้ายมือ  เป็นเหตุให้รถเสียหลักพลิกตะแคงลงทับเด็กชายวิฑูรย์ผู้โดยสารถึงแก่ความตาย  และผู้โดยสารคนอื่นได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน  ทั้งจำเลย
ได้หลบหนีไป  มิได้ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่  จำเลยเคยต้องโทษฐานขับรถโดยประมาทมาแล้วภายใน ๒ ปี  แต่โทษจำคุกถูกรอไว้  ขอให้ลงโทษและเอาโทษที่รอไว้มาบอกกับคดีนี้ด้วยและขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๒๙๑, ๕๘  พระราชบัญญัติจราจรทางบก  พ.ศ. ๒๔๗๗  มาตรา ๑๑, ๒๙ (๔), ๓๐, ๖๖, ๖๘  พระราชบัญญัติจราจรทางบกแก้ไขเพิ่มเติม  (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๘๑ มาตรา ๔  กับถอนใบอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ของจำเลยด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ  โดยอ้างเหตุสุดวิสัย  และรับในข้อเคยต้องโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า  จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๒๙๑  พระราชบัญญัติจราจรทางบก  พ.ศ. ๒๔๗๗  มาตรา ๑๑, ๒๙ (๔), ๓๐, ๖๖, ๖๘  พระราชบัญญัติจราจรทางบกแก้ไขเพิ่มเติม  (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๘๑ มาตรา ๔  แต่ให้วางโทษตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๒๙๑  อันเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๙๐  ให้เอาโทษจำคุก ๑๕ วัน  ที่ศาลรอการลงโทษไว้มาบวกกับโทษในคดีนี้ด้วยตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๕๘  คงจำคุกจำเลยไว้ ๖ ปี ๑๕ วัน  และให้เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ของจำเลยด้วย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า  ขณะจะเกิดเหตุ  จำเลยขับรถด้วยความเร็วประมาณ ๓๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมงซึ่งเป็นอัตราภายในกฎหมายกำหนด  และเหตุที่เกิดเนื่องมาจากรถบรรทุกถอยหลังออกจากซอยมากลางถนนในระยะกระชั้นชิด  จำเลยจึงต้องหักพวงมาลัยหลบเพื่อหลีกเลี่ยงการอันเป็นสัญญาตญาณป้องกันอันตรายในเหตุฉุกเฉินเฉพาะหน้า  กรณียังไม่พอฟังว่าเป็นประมาท  จำเลยคงมีความผิดในข้อมิได้อยู่ช่วยเหลือและไม่แจ้งเหตุต่อพนักงานตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก  พิพากษาแก้ว่าคงมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗  มาตรา ๓๐, ๖๘  พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๔)  พ.ศ. ๒๕๐๘  มาตรา ๑๕  ปรับเป็นเงิน ๕๐๐ บาท  ให้ยกฟ้องในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ถึงตายและบาดเจ็บ  และยกคำขอที่ให้บวกโทษเพิ่ม  และไม่เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ของจำเลย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงและวินิจฉัยยืนตามศาลอุทธรณ์ว่า  ตามพฤติการณ์ที่จำเลยประสบ  จำเลยไม่อาจคาดคิดได้ล่วงหน้าว่าจะมีรถถอยหลังออกมาจากซอยมาขวางข้างหน้าในระยะกระชั้นชิดเพียง ๕ – ๖ เมตร  การที่จำเลยหักพวงมาลัยหลบไปทางซ้ายจากขอบถนนซึ่งเป็นคูน้ำ  และจึงหักขวาทางถนนเป็นเหตุให้รถเสียการทรงตัวพลิกตะแคงลงเป็นเหตุให้ผู้โดยสารถึงตาย  และบาดเจ็บ  ดังนี้  เป็นเรื่องที่จำเลยไม่อาจหลีกเลี่ยงให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึงโดยวิธีอื่นใดได้  นอกจากที่ได้ปฏิบัติดังกล่าวมาแล้ว  กรณีไม่พอฟังว่าเป็นการกระทำโดยประมาทตามฟ้อง
พิพากษายืน

