คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยขับรถยนต์โดยสารภายในอัตราความเร็วตามกฎหมาย เมื่อแซงขึ้นหน้ารถคันอื่นพ้นไปแล้ว ก็เป็นเวลาพอดีที่มีรถถอยหลังออกจากซอยทางขวามือมาขวางถนนในระยะกระชั้นชิดเพียง 5 – 6 เมตร จำเลยจึงหักพวงมาลัยหลบเป็นเหตุให้รถด้านซ้ายตกขอบทาง และเมื่อจำเลยหักขวาจะเข้าทางจึงเกิดเสียหลักพลิกตะแคงเป็นเหตุให้ผู้โดยสารถึงตายและบาดเจ็บ ดังนี้ เห็นได้ว่าเป็นเรื่องที่จำเลยไม่าอาจหลีกเลี่ยงให้พ้นภยันตรายโดยวิธีอื่นใดได้ นอกจากที่ได้ปฏิบัติไปแล้วนี้ กรณีไม่พอฟังว่าจำเลยได้กระทำโดยประมาท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยขับรถยนต์โดยสารโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้โดยสารถึงตายและบาดเจ็บ ทั้งนี้ โดยจำเลยขับไปด้วยความเร็วสูงบนถนนที่ลื่นขณะฝนกำลังตก และขณะที่แซงรถคันอื่นขึ้นบนทางโค้งพ้นไปแล้ว เป็นเวลาพอดีมีรถยนต์แล่นถอยหลังออกมาจากซอยด้านขวามือ จำเลยมิได้หยุดรถแต่กลับหักหลบไปทางซ้ายมือ เป็นเหตุให้รถเสียหลักพลิกตะแคงลงทับเด็กชายวิฑูรย์ผู้โดยสารถึงแก่ความตาย และผู้โดยสารคนอื่นได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน ทั้งจำเลย
ได้หลบหนีไป มิได้ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยเคยต้องโทษฐานขับรถโดยประมาทมาแล้วภายใน ๒ ปี แต่โทษจำคุกถูกรอไว้ ขอให้ลงโทษและเอาโทษที่รอไว้มาบอกกับคดีนี้ด้วยและขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑, ๕๘ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๑๑, ๒๙ (๔), ๓๐, ๖๖, ๖๘ พระราชบัญญัติจราจรทางบกแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๘๑ มาตรา ๔ กับถอนใบอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ของจำเลยด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ โดยอ้างเหตุสุดวิสัย และรับในข้อเคยต้องโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๑๑, ๒๙ (๔), ๓๐, ๖๖, ๖๘ พระราชบัญญัติจราจรทางบกแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๘๑ มาตรา ๔ แต่ให้วางโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑ อันเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ ให้เอาโทษจำคุก ๑๕ วัน ที่ศาลรอการลงโทษไว้มาบวกกับโทษในคดีนี้ด้วยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๘ คงจำคุกจำเลยไว้ ๖ ปี ๑๕ วัน และให้เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ของจำเลยด้วย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า ขณะจะเกิดเหตุ จำเลยขับรถด้วยความเร็วประมาณ ๓๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมงซึ่งเป็นอัตราภายในกฎหมายกำหนด และเหตุที่เกิดเนื่องมาจากรถบรรทุกถอยหลังออกจากซอยมากลางถนนในระยะกระชั้นชิด จำเลยจึงต้องหักพวงมาลัยหลบเพื่อหลีกเลี่ยงการอันเป็นสัญญาตญาณป้องกันอันตรายในเหตุฉุกเฉินเฉพาะหน้า กรณียังไม่พอฟังว่าเป็นประมาท จำเลยคงมีความผิดในข้อมิได้อยู่ช่วยเหลือและไม่แจ้งเหตุต่อพนักงานตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พิพากษาแก้ว่าคงมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๓๐, ๖๘ พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๘ มาตรา ๑๕ ปรับเป็นเงิน ๕๐๐ บาท ให้ยกฟ้องในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ถึงตายและบาดเจ็บ และยกคำขอที่ให้บวกโทษเพิ่ม และไม่เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ของจำเลย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงและวินิจฉัยยืนตามศาลอุทธรณ์ว่า ตามพฤติการณ์ที่จำเลยประสบ จำเลยไม่อาจคาดคิดได้ล่วงหน้าว่าจะมีรถถอยหลังออกมาจากซอยมาขวางข้างหน้าในระยะกระชั้นชิดเพียง ๕ – ๖ เมตร การที่จำเลยหักพวงมาลัยหลบไปทางซ้ายจากขอบถนนซึ่งเป็นคูน้ำ และจึงหักขวาทางถนนเป็นเหตุให้รถเสียการทรงตัวพลิกตะแคงลงเป็นเหตุให้ผู้โดยสารถึงตาย และบาดเจ็บ ดังนี้ เป็นเรื่องที่จำเลยไม่อาจหลีกเลี่ยงให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึงโดยวิธีอื่นใดได้ นอกจากที่ได้ปฏิบัติดังกล่าวมาแล้ว กรณีไม่พอฟังว่าเป็นการกระทำโดยประมาทตามฟ้อง
พิพากษายืน

Share