แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
คดีนี้เป็นคดีอาญาที่โจทก์ขอให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดตาม ป.อ. มาตรา 271 ฐานหลอกลวงขายสินค้าเครื่องพิมพ์ดีดแก่โจทก์และมีคำขอให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 55,440 บาท โดยให้จำเลยรับมอบเครื่องพิมพ์ดีดคืนไป ซึ่งในที่สุดศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางให้ลงโทษปรับจำเลยและให้จำเลยชำระเงินจำนวน 55,440 บาทแก่โจทก์ โดยรับมอบเครื่องพิมพ์ดีด 12 เครื่องคืนไปทั้งหมด เห็นได้ว่าเป็นคำพิพากษาที่พิพากษาไปตามสภาพแห่งข้อหาตามคำฟ้องของโจทก์ซึ่งเป็นคดีอาญาและมีคำขอในส่วนแพ่งให้จำเลยชดใช้เงินแก่โจทก์อันเนื่องมาจากการกระทำความผิดทางอาญาที่ทำให้โจทก์เสียหายอันเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยชดใช้เงินเป็นค่าเสียหายในมูลละเมิด ประกอบกับตามคำพิพากษาของศาลดังกล่าวก็พิพากษาบังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวน 55,440 บาท แก่โจทก์เป็นสำคัญ โดยแม้จะมีคำพิพากษาให้จำเลยรับมอบเครื่องพิมพ์ดีด 12 เครื่องคืนไปด้วยก็ตาม แต่ก็มิได้พิพากษากำหนดให้เป็นเงื่อนไขว่า โจทก์มีหน้าที่ในอันที่จะต้องคืนเครื่องพิมพ์ดีดแก่จำเลยในลักษณะการชำระหนี้ต่างตอบแทนเสียก่อนจึงจะมีสิทธิบังคับให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ ดังนี้ เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาในส่วนที่บังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวน 55,440 บาท แก่โจทก์โจทก์ชอบที่จะขอให้มีการบังคับคดีจนกว่าจะได้รับชำระหนี้ครบถ้วน ทั้งนี้โดยไม่ต้องคำนึงถึงกรณีการรับคืนเครื่องพิมพ์ดีดของจำเลยแต่อย่างใด
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานขายของโดยหลอกลวงด้วยประการใดๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือปริมาณแห่งของนั้นอันเป็นเท็จ ลงโทษปรับ 3,000 บาท หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 กับให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 55,440 บาท โดยรับมอบเครื่องพิมพ์ดีดจำนวน 12 เครื่อง คืนไปทั้งหมด
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ต่อมาศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีผลให้จำเลยต้องชำระเงินแก่โจทก์และรับมอบเครื่องพิมพ์ดีดจำนวน 12 เครื่องคืนไปทั้งหมด ต่อมาวันที่ 11 มิถุนายน 2545 โจทก์นำเครื่องพิมพ์ดีดจำนวน 11 เครื่อง วางต่อสำนักงานวางทรัพย์ จังหวัดภูเก็ตส่วนเครื่องพิมพ์ดีดอีก 1 เครื่อง ที่โจทก์อ้างเป็นวัตถุพยานยังคงเก็บรักษาที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง และขอให้ออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี ต่อมาวันที่ 13 มิถุนายน 2546 จำเลยยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดี อ้างว่าโจทก์ไม่เคยติดต่อขอคืนทรัพย์เครื่องพิมพ์ดีดดังกล่าวแก่จำเลย และหากโจทก์ประสงค์จะคืนทรัพย์จริงให้นำมาวางที่สำนักงานวางทรัพย์กลางกรุงเทพมหานคร ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางนัดพร้อมคู่ความแล้วตกลงให้โจทก์ส่งเครื่องพิมพ์ดีดไปยังสำนักงานวางทรัพย์กลาง กรมบังคับคดีโดยจำเลยยินดีจะไปรับเครื่องพิมพ์ดีดดังกล่าว ในชั้นนี้ให้งดการบังคับคดีเป็นการชั่วคราว
ต่อมาวันที่ 8 มกราคม 2547 โจทก์ส่งมอบเครื่องพิมพ์ดีดจำนวน 11 เครื่องต่อสำนักงานวางทรัพย์กลาง กรมบังคับคดี แต่จำเลยเพิกเฉยไม่ยอมรับเครื่องพิมพ์ดีดและชำระเงินคืนโจทก์ โจทก์จึงยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกคำสั่งงดการบังคับคดีชั่วคราวและบังคับคดีต่อไป จำเลยยื่นคำคัดค้านอ้างว่าเครื่องพิมพ์ดีดดังกล่าวไม่ใช่ทรัพย์ที่โจทก์ซื้อไปจากจำเลยและปฏิเสธที่จะรับคืน และขอให้ยกเลิกการบังคับคดีแก่จำเลย
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งงดการบังคับคดีชั่วคราว และดำเนินการบังคับคดีต่อไปตามกฎหมาย
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “คดีนี้เป็นคดีอาญาที่โจทก์ขอให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 ฐานหลอกลวงขายสินค้าเครื่องพิมพ์ดีดแก่โจทก์และมีคำขอให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 55,440 บาท โดยให้จำเลยรับมอบเครื่องพิมพ์ดีดคืนไป ซึ่งในที่สุดศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางให้ลงโทษปรับจำเลยและให้จำเลยชำระเงินจำนวน 55,440 บาท แก่โจทก์โดยรับมอบเครื่องพิมพ์ดีด 12 เครื่องคืนไปทั้งหมด เห็นได้ว่าเป็นคำพิพากษาที่พิพากษาไปตามสภาพแห่งข้อหาตามคำฟ้องของโจทก์ ซึ่งเป็นคดีอาญาและมีคำขอในส่วนแพ่งให้จำเลยรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์ อันเนื่องมาจากการกระทำความผิดทางอาญาที่ทำให้โจทก์เสียหาย อันเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยชดใช้เงินเป็น ค่าเสียหายในมูลละเมิด ประกอบกับตามคำพิพากษาของศาลดังกล่าวก็พิพากษาบังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวน 55,440 บาท แก่โจทก์เป็นสำคัญ โดยแม้จะมีคำพิพากษาให้จำเลยรับมอบเครื่องพิมพ์ดีดจำนวน 12 เครื่องคืนไปด้วยก็ตาม แต่ก็มิได้พิพากษากำหนดให้เป็นเงื่อนไขว่าโจทก์มีหน้าที่ในอันที่จะต้องคืนเครื่องพิมพ์ดีดแก่จำเลยในลักษณะการชำระหนี้ต่างตอบแทนเสียก่อนจึงจะมีสิทธิบังคับให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์แต่อย่างใด ดังนี้ เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาในส่วนที่บังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวน 55,440 บาท แก่โจทก์ โจทก์ชอบที่จะขอให้มีการบังคับคดีจนกว่าจะได้รับชำระหนี้ครบถ้วนทั้งนี้โดยไม่ต้องคำนึงถึงกรณีการรับคืนเครื่องพิมพ์ดีดของจำเลยแต่อย่างใด ดังนั้น ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งงดการบังคับคดีและให้บังคับคดีต่อไปนั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วยในผล”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ