แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3.) ที่ได้มาจากการขายทอดตลาดของศาลชั้นต้น จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์ซื้อที่พิพาทจากการขายทอดตลาดของศาลโดยไม่สุจริตและด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงโจทก์ทราบดีอยู่แล้วว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่พิพาทตลอดมาเช่นนี้ ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทและโจทก์รู้อยู่แล้วว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทในขณะที่ซื้อทรัพย์จึงเป็นข้อเท็จจริงที่จะนำไปสู่การวินิจฉัยว่า โจทก์ซื้อที่พิพาทมาโดยสุจริตหรือไม่ซึ่งเป็นประเด็นข้อพิพาท จำเลยมีสิทธินำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวได้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลยในประเด็นเรื่องการครอบครองนั้นไม่ชอบ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ที่ได้มาจากการขายทอดตลาดของศาลชั้นต้น แต่จำเลยได้เข้าไปทำประโยชน์อันเป็นการรบกวนขัดสิทธิของโจทก์ ขอให้ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องและเข้าไปทำประโยชน์และรบกวนการครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าว
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า โจทก์ซื้อที่พิพาทจากการขายทอดตลาดของศาลโดยไม่สุจริตและด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง โจทก์ทราบดีอยู่แล้วว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่พิพาทตลอดมาหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ออกมาโดยไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง
ในระหว่างสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นสอบทนายจำเลยแถลงว่าติดใจสืบพยาน 6-7 ปาก คือตัวจำเลย นางคำเติม ภริยาจำเลยนายเติมสุข นายเจริญ นายณรงค์ นายประยงค์ และเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาด่านขุนทด โดยจะสืบจำเลยและนางคำเติมในประเด็นว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทและไม่ทราบว่าที่พิพาทถูกยึดมาขายทอดตลาดสืบพยานนายเติมสุขซึ่งเป็นกำนันว่าเจ้าพนักงานศาลได้ไปปิดประกาศขายทอดตลาดที่พิพาทที่ที่ว่าการกำนันสืบนายเจริญเจ้าของที่ดินข้างเคียงว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่พิพาท สืบเจ้าพนักงานที่ดินว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทสืบนายประยงค์เจ้าพนักงานบังคับคดีในประเด็นว่าจำเลยไม่ทราบการยึดทรัพย์และการขายทอดตลาดและโจทก์ทราบก่อนซื้อจากการขายทอดตลาดแล้วว่า จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท ศาลชั้นต้นเห็นว่า พยานจำเลยนอกจากนายณรงค์ และนายประยงค์ แล้วเป็นพยานที่ไม่เกี่ยวกับประเด็นแห่งคดีให้งดสืบ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องและทำประโยชน์ในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)ที่พิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลยในประเด็นเรื่องการครอบครองไม่ชอบ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทและโจทก์รู้อยู่แล้วว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทในขณะที่โจทก์ซื้อทรัพย์ เป็นข้อเท็จจริงที่จะนำไปสู่การวินิจฉัยว่าโจทก์ซื้อที่พิพาทมาโดยสุจริตหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นข้อพิพาท ฉะนั้นจำเลยจึงมีสิทธินำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวได้
พิพากษายืน