แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุ 19 ปี และทำงานเป็นหลักแหล่ง เป็นผู้มีความสำนึกในเรื่องผิดชอบชั่วดีแล้ว แต่จำเลยยังร่วมกับพวกกระทำผิด โดยจำเลยมีอาวุธมีดติดตัวขับรถกระบะให้พวกซึ่งอยู่ท้ายรถกระชากสร้อยคอทองคำพร้อมพระเลี่ยมทองจากผู้เสียหายที่เดินสวนทางมา และขับรถหนีไปด้วยความเร็วสูงเมื่อ ส. พี่ชายของผู้เสียหายทราบเหตุได้ขับรถจักรยานยนต์ให้เพื่อนนั่งซ้อนท้ายไล่ตามจำเลยกับพวกไปที่สุดซอยตัน จำเลยขับรถถอยหลังพุ่งชนรถจักรยานยนต์ของ ส.ที่จอดขวางทางอยู่จนล้มและส. กระเด็นตกจากรถได้รับบาดเจ็บ แล้วขับรถแล่นหนีไปด้วยความเร็วสูงจนถูกเจ้าพนักงานตำรวจสกัดจับได้ พฤติการณ์ในการกระทำความผิดของจำเลย ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจรุนแรงไม่หวั่นเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง แม้อาของจำเลยจะชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหาย ก็เป็นเพียงการบรรเทาผลร้ายที่ผู้เสียหายและ ส. ได้รับเท่านั้น ไม่อาจลบล้างความผิดที่จำเลยกระทำไว้แล้วได้ การที่ศาลอุทธรณ์ลดมาตราส่วนโทษและลดโทษให้จำเลยลงอีกหนึ่งในสามนั้นนับว่าเป็นคุณแก่จำเลยมากแล้ว การกระทำความผิดของจำเลยนับว่าเป็นภัยต่อสุจริตชนทั่วไป จึงไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่สามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 336, 336 ทวิ, 371 ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือใช้ราคาพระเลี่ยมทอง 1 องค์ ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหาย และริบมีดของกลาง
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 336 (ที่ถูกต้องมาตรา 336 วรรคหนึ่ง), 336 ทวิ ลงโทษจำคุก 6 ปี โดยไม่ลดมาตราส่วนโทษให้ จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 4 ปี 6 เดือน ให้จำเลยที่ 1 คืนหรือใช้ราคาพระเลี่ยมทอง1 องค์ แก่ผู้เสียหาย ริบมีดของกลาง ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 วรรคหนึ่ง, 336 ทวิ, 83 ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 วางโทษจำคุก 3 ปี และปรับ 6,000 บาท คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี และปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 เดือนต่อครั้ง เป็นเวลา 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงประเด็นเดียวว่า กรณีมีเหตุสมควรรอการลงโทษจำเลยที่ 1 หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 1 อายุ 19 ปี และทำงานเป็นหลักแหล่ง เป็นผู้มีความสำนึกในเรื่องผิดชอบชั่วดีแล้ว แต่จำเลยที่ 1 ยังร่วมกับพวกกระทำผิดคดีนี้ โดยจำเลยที่ 1 มีอาวุธมีดติดตัวขับรถกระบะให้พวกซึ่งอยู่ท้ายรถกระชากสร้อยคอทองคำพร้อมพระเลี่ยมทอง 1 องค์ จากผู้เสียหายที่เดินสวนทางมา แล้วจำเลยที่ 1 ขับรถแล่นหนีไปด้วยความเร็วสูง และทันทีที่นายสุชาติ รงค์ทอง พี่ชายผู้เสียหายทราบเหตุได้ขับรถจักรยานยนต์ให้เพื่อนนั่งซ้อนท้ายไล่ตามจำเลยที่ 1 กับพวกไปทันที่สุดซอยเพชรเกษม 79 ซึ่งเป็นซอยตัน จำเลยที่ 1 ขับรถถอยหลังพุ่งชนรถจักรยานยนต์ของนายสุชาติที่จอดขวางทางอยู่จนรถจักรยานยนต์ล้มและนายสุชาติกระเด็นตกจากรถได้รับบาดเจ็บ แล้วขับรถแล่นหนีไปด้วยความเร็วสูงจนถูกเจ้าพนักงานตำรวจสกัดจับได้ที่อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร พฤติการณ์ในการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจรุนแรงไม่หวั่นเกรงต่อกฎหมายบ้านเมืองแม้นายสมบัติ โตเจริญผล อาของจำเลยที่ 1 จะชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายจำนวน 13,000 บาท ก็เป็นเพียงการบรรเทาผลร้ายที่ผู้เสียหายและนายสุชาติได้รับเท่านั้นไม่อาจลบล้างความผิดที่จำเลยที่ 1 กระทำไว้แล้วได้ การที่ศาลอุทธรณ์ลดมาตราส่วนโทษและลดโทษให้จำเลยที่ 1 ลงอีกหนึ่งในสามนั้น นับว่าเป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 มากแล้วการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 นับว่าเป็นภัยต่อสุจริตชนทั่วไป จึงไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้รอการลงโทษและคุมความประพฤติจำเลยมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษจำคุก ไม่ปรับและไม่คุมความประพฤติจำเลยที่ 1 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์