คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 605/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในสัญญาจำนองปรากฏว่าผู้ตายเป็นผู้รับจำนองแต่ผู้เดียวแม้จำเลยนำสืบว่า จำเลยได้ออกเงินร่วมกับผู้ตายในการรับจำนองนั้น ไม่เป็นการสืบแก้ไขเอกสาร หาต้องห้ามตามกฎหมายไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องสำหรับทรัพย์มรดกที่ยังมีอยู่นอกจากบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องนั้น ย่อมทำไม่ได้ เพราะเป็นการยึดอายุความไม่เป็นธรรมแก่จำเลย

ย่อยาว

ได้ความว่า โจทก์จำเลยเป็นบุตรนายเต๋า ผู้ตายเจ้ามรดก นายเต๋าถึงแก่ความตายโดยไม่ทำพินัยกรรมไว้ ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกคงมีแต่โจทก์จำเลยเท่านั้น ทรัพย์ของผู้ตายจำเลยครอบครองไว้ โจทก์จึงฟ้องขอแบ่ง และขอให้ศาลสั่งตั้งสิทธิเรียกร้องสำหรับทรัพย์สินมรดกที่ยังมีอยู่ นอกจากบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้อง เพื่อแก่การที่โจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องในโอกาสต่อไป

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้แบ่งทรัพย์มรดกที่ฟังว่าเป็นของผู้ตาย ให้แก่โจทก์จำเลยคนละครึ่ง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้จะปรากฏว่า ผู้ตายเป็นผู้รับจำนองที่ดินโฉนดที่ 7370 แต่ผู้เดียว จำเลยนำพยานสืบว่า จำเลยได้ออกเงินร่วมกับผู้ตายในการรับจำนอง ก็ไม่เป็นการต้องห้ามตามกฎหมายอย่างไร

การที่ศาลมิสั่งเรื่องโจทก์ขอให้ศาลสั่งตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้อง สำหรับทรัพย์มรดกที่ยังมีอยู่นอกจากบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องนั้นศาลฎีกาเห็นว่า การขอสิทธิเช่นนี้ในคดีมรดกย่อมทำไม่ได้ เพราะเป็นการยึดอายุความ ไม่เป็นธรรมแก่จำเลย

จึงพิพากษายืน

Share