แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ร่วมอาศัยปลูกบ้านอยู่บนที่ดินของ ป. โจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้อาศัยย่อมมีสิทธิครอบครองในบ้านของตน แต่หามีสิทธิครอบครองที่ดินของ ป. ด้วยไม่ ดังนั้น เมื่อฟังไม่ได้ว่าบริเวณที่จำเลยเข้ามายืนอยู่เป็นบริเวณบ้านของโจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกเคหสถานของโจทก์ร่วม.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 364, 365
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณานายเซ่งหยู่ แก้วผาสุข ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364, 365, 83 จำคุกคนละ 2 เดือน และปรับคนละ 2,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนดคนละ 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทน
โจทก์ร่วมและจำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์และโจทก์ร่วมว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดฐานบุกรุกดังโจทก์ฟ้องหรือไม่โจทก์มีโจทก์ร่วม นางประมวล แก้วผาสุข มารดาโจทก์ร่วม และร้อยตำรวจเอกพงษ์ศักดิ์ ศรีนวล เบิกความเป็นพยานและส่งแผนที่สังเขปแสดงสถานที่เกิดเหตุคือเอกสารหมาย จ.5 เป็นพยาน สรุปได้ใจความว่าโจทก์ร่วมมีอาชีพรับจ้างเจียระในพลอย มีลูกจ้าง 7-8 คน สถานที่เจียระไนพลอยอยู่ใต้ถุนบ้านของนางประมวล ที่ดินที่โจทก์ร่วมปลูกบ้านอยู่เป็นของนางประมวลมีเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ บ้านแต่ละหลังไม่มีรั้วกั้นเป็นสัดส่วน คงมีแต่กอไผ่ที่ปลูกล้อมที่ดินทั้งแปลงดังนั้นนางประมวลผู้เป็นเจ้าของที่ดินเท่านั้นที่มีสิทธิครอบครอง โจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้อาศัยหามีสิทธิครอบครองที่ดินด้วยไม่ เมื่อจำเลยทั้งสามเข้าไปที่บริเวณทางเดินเข้าบบ้านโจทก์ร่วมและบ้านนางประมวล อยู่ห่างจากบ้านโจทก์ร่วมประมาณ 2 วา โจทก์และโจทก์ร่วมไม่ได้นำสืบให้ได้ความว่า บริเวณที่โจทก์ร่วมอ้างว่าจำเลยทั้งสามเข้ามายืนอยู่นั้นเป็นบริเวณบ้านของโจทก์ร่วมด้วย แต่ปรากฏตามภาพถ่ายหมาย จ.3ว่าหน้าบ้านของโจทก์ร่วมเป็นที่ดินเตียนโล่ง มีต้นไม้อยู่หน้าบ้านต้นเดียว ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดบนที่ดินที่จะพอให้เป็นที่สังเกตได้ว่าโจทก์ร่วมใช้เป็นบริเวณบ้านของตน ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าบริเวณที่โจทก์ร่วมอ้างว่าจำเลยทั้งสามเข้ามายืนอยู่เป็นบริเวณบ้านของโจทก์ร่วม ดังนั้นแม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงดังที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบ การกระทำของจำเลยทั้งสามก็ไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกเคหสถานของโจทก์ร่วม ไม่จำต้องวินิจฉัยพยานจำเลย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์และโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.