คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 604/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าที่ดินพิพาทปลูกบ้านอยู่อาศัยตามสัญญาเช่า แต่จำเลยไม่ชำระค่าเช่าและครบกำหนดตามสัญญาแล้ว ขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาท การที่จำเลยให้การว่าจำเลยลงลายมือชื่อในสัญญาเช่าโดยเข้าใจว่าเป็นสัญญาเช่านา คำให้การของจำเลยจึงถือได้ว่าจำเลยรับว่าได้ทำสัญญาเช่าจริง แม้สัญญาเช่าไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ตาม ป.รัษฎากรฯ ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ แต่เมื่อโจทก์ไม่จำต้องอาศัยสัญญาเช่าเป็นพยานหลักฐาน จึงไม่จำต้องติดอากรแสตมป์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยพร้อมบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินของโจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลย ให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้างชำระนับตั้งแต่วันทำสัญญาเช่าจนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 81,000 บาท และใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 3,000 บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยพร้อมทั้งบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินโจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทน ให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้างชำระเป็นเงิน 81,000 บาท และใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 3,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่า สัญญาเช่าเอกสารหมาย จ.2 ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าที่ดินพิพาทปลูกบ้านอยู่อาศัยตามสัญญาเช่นเอกสารหมาย จ.2 จำเลยไม่ชำระค่าเช่าและครบกำหนดตามสัญญาแล้ว จำเลยให้การในข้อนี้ว่า จำเลยลงลายมือชื่อในสัญญาเช่าโดยเข้าใจว่าเป็นสัญญาเช่านา ตามคำให้การของจำเลยถือว่าจำเลยรับว่าได้ทำสัญญาเช่าเอกสารหมาย จ.2 จริง แม้สัญญาเช่าเอกสารหมาย จ.2 ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ แต่กรณีเช่นนี้โจทก์ไม่จำต้องอาศัยสัญญาเช่าดังกล่าวเป็นพยานหลักฐาน จึงไม่จำต้องติดอากรแสตมป์ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share