แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยร่วมกันทำบันทึกข้อตกลงเพื่อระงับข้อพิพาทที่ผู้จัดการมรดกกำลังดำเนินคดีฟ้องร้องกันอยู่ในศาลให้ทุกฝ่ายร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกการทำบันทึกข้อตกลงดังกล่าวซึ่งรวมถึงการแบ่งเงินของกองมรดกให้แก่ทายาทตามที่ระบุไว้ในข้อตกลงด้วยจึงเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการมรดกที่ผู้จัดการมรดกมีอำนาจกระทำได้และถือว่าได้กระทำไปโดยผู้จัดการมรดกเสียงข้างมากจำเลยจึงต้องปฏิบัติตามข้อตกลงนั้น.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดกและได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกร่วมกับบุคคลอื่นตามคำสั่งศาล ในการจัดการมรดกได้พิพาทกันเป็นคดีแพ่งและคดีอาญาและทุกฝ่ายได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ให้นำเงินมาแบ่งให้แก่ทายาท แต่จำเลยเพิกเฉยไม่จ่ายเงินให้โจทก์ จึงขอให้จำเลยสั่งจ่ายเงินที่มีอยู่ในบัญชีเงินฝากของกองมรดกให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า การประชุมมีวัตถุประสงค์เพื่อถอนคดีซึ่งกันและกัน ยังไม่เป็นที่ยุติ เพราะมีข้อที่ไม่ยอมกันอยู่ ขอให้พิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์และจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของร้อยเอกหลวงไวรณการ และได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกของร้อยเอกหลวงไวรณการร่วมกับนายบุญทวี ไวทยานุวัตติ และ นายกฤตย์ ไวทยานุวัตติ บุตรของร้อยเอกหลวงไวรณการอีก 2 คน ตามคำสั่งของศาลแพ่ง คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 13822/2524 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2524 ในการจัดการมรดกดังกล่าว จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้รับมอบหมายจากคณะผู้จัดการมรดกให้มีหน้าที่เก็บรักษา รับและจ่ายเงินตลอดจนมีอำนาจร่วมกันในการสั่งจ่ายเงินของกองมรดกที่มีอยู่ในธนาคารได้ด้วย และเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2525 ได้มีการทำบันทึกข้อตกลงเอกสารหมายจ.5 กันไว้จริงประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในฐานะผู้จัดการมรดกจะต้องจ่ายเงินตามข้อตกลงที่บันทึกไว้ในเอกสารนั้นให้แก่โจทก์หรือไม่เพียงใด
พิเคราะห์แล้ว ได้ความตามที่โจทก์และจำเลยที่ 1 ที่ 2 นำสืบจากบันทึกข้อตกลงเอกสารหมาย จ.5 ว่า ที่มีการทำบันทึกฉบับนี้ขึ้นก็โดยจะนำไปเสนอต่อศาลเพื่อระงับข้อพิพาทที่ผู้จัดการมรดกกำลังดำเนินคดีฟ้องร้องกันอยู่ในศาล เพื่อทุกฝ่ายจะร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดกของร้อยเอกหลวงไวรณการตามคำสั่งของศาลแพ่งหมายเลขแดงที่13822/2524 ต่อไป การทำบันทึกข้อตกลงหรือสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว ซึ่งรวมถึงการแบ่งเงินของกองมรดกให้แก่ทายาทตามที่ระบุไว้ในข้อตกลงข้อ 2 ด้วย จึงเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการมรดกที่ผู้จัดการมรดกมีอำนาจทำได้ คดีนี้ได้ความว่าในการทำบันทึกข้อตกลงดังกล่าว มีโจทก์ จำเลยที่ 1 และนายบุญทวี ไวทยานุวัตติ เข้าร่วมประชุม ส่วนจำเลยที่ 2 และนายกฤตย์ ไวทยานุวัตติ ไม่ได้เข้าร่วมประชุม แต่ก็มีนายจุ้ย ประเสริฐวณิชทนายของจำเลยที่ 2 และนายสุรินทร์ ศรีพันวงศ์ ทนายจของนายกฤตย์ เข้าประชุมแทนแสดงว่าจำเลยที่ 2 และนายกฤตย์ได้ทราบถึงการนัดประชุมนั้นแล้ว การที่จำเลยที่ 2 และนายกฤตย์ไม่ได้เข้าประชุมจึงไม่ทำให้การประชุมเสียไป และสำหรับนายบุญทวีนั้น แม้นายบุญทวีจะไม่ได้ร่วมลงชื่อในบันทึกข้อตกลงเอกสารหมาย จ.5 แต่ได้ความว่าในวันที่ 29พฤศจิกายน 2525 มีการประชุมผู้จัดการมรดกอีก นายบุญทวีเข้าร่วมประชุมด้วย ในวันนั้นมีการพูดกันถึงการประชุมครั้งก่อน นายบุญทวีก็ไม่ได้โต้แย้งว่าการประชุมครั้งนั้นไม่ชอบนอกจากนี้เมื่อโจทก์เสนอขอให้แบ่งเงินของกองมรดกจำนวน 59,420 บาท 32 สตางค์ ตามที่โจทก์ฟ้องให้แก่โจทก์ตามที่ตกลงกันไว้ในบันทึกข้อตกลงเอกสารหมาย จ.5 นายบุญทวีก็เห็นด้วยกับข้อเสนอของโจทก์ และได้ลงชื่อไว้ในรายงานการประชุมเอกสารหมาย จ.6 เป็นการให้สัตยาบันข้อตกลงที่ทำกันไว้ในครั้งแรกอีกชั้นหนึ่งด้วย บันทึกข้อตกลงเอกสารหมายจ.5 จึงถือว่าได้กระทำไปโดยผู้จัดการมรดกเสียข้างมาก จำเลยที่ 1และที่ 2 จึงต้องปฏิบัติตามข้อตกลงนั้น และการวินิจฉัยเช่นนี้เป็นการวินิจฉัยตามประเด็นที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้น และไม่วินิจฉัยอุทธรณ์ข้อนี้ของโจทก์ เป็นการไม่ถูกต้อง จำเลยที่ 1 และที่ 2 ในฐานะผู้จัดการมรดกจึงต้องจ่ายเงินให้แก่โจทก์ตามฟ้อง ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าบันทึกข้อตกลงเอกสารหมาย จ.5 ไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 และบังคับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวไม่ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้งดจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในฐานผู้จัดการมรดกจ่ายเงินกองมรดกของร้อยเอกหลวงไวรณการจำนวน 59,320 บาท 32 สตางค์ให้โจทก์ หากเงินในบัญชีของกองมรดกไม่พอจ่ายให้จำเลยที่ 1 และที่ 2ในฐานะส่วนตัวร่วมกันจ่ายเงินให้โจทก์จนครบ และให้ร่วมกันเสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 1ธันวาคม 2525 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จ กับให้ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมสามศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้รวม 4,000 บาท”.