คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 568/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

แม้คดีนี้จะมีการสืบพยานบุคคลของโจทก์และจำเลยเพียงฝ่ายละ 1 ปาก แต่จำเลยได้ฟ้องแย้งไว้ด้วย คดีมีทุนทรัพย์ตามคำฟ้องจำนวน 1,883,931.97 บาท และทุนทรัพย์ตามคำฟ้องแย้งจำนวน 994,076.66 บาท ศาลมีอำนาจกำหนดค่าทนายความตามอัตราค่าทนายความตามตาราง 6 ท้าย ป.วิ.พ. ขั้นสูงร้อยละ 5 ของทุนทรัพย์ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางกำหนดค่าทนายความจำนวน 40,000 บาท นั้น ไม่ถือว่าสูงเกินไป
โจทก์มีคำขอบังคับให้จำเลยชำระหนี้เป็นเงินต่างประเทศ ซึ่งหากจำเลยจะชำระหนี้เป็นเงินไทยก็ได้ แต่การเปลี่ยนเงินต้องใช้อัตราแลกเปลี่ยน ณ สถานที่และเวลาใช้เงินตาม ป.พ.พ. มาตรา 196 วรรคสอง ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษากำหนดให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยนในวันฟ้องเท่ากับการพิพากษานอกเหนือหรือเกินไปกว่าคำฟ้องจึงไม่ชอบ และเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
หนี้เงินต่างประเทศสกุลฟรังก์ฝรั่งเคสที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยชำระแก่โจทก์ตามคำฟ้องเป็นเงินตราของประเทศสาธารณรัฐฝรั่งเศส ซึ่งอยู่ในทวีปยุโรปที่มีการจัดตั้งสหภาพยุโรป ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงสกุลเงินที่ใช้ในประเทศดังกล่าวจึงเห็นสมควรกำหนดวิธีการคิดคำนวณมูลค่าเงินไว้เพื่อความสะดวกในการบังคับคดีด้วย
หากในเวลาใช้เงินจริงนั้นเงินฟรังก์ฝรั่งเคสเป็นเงินตราชนิดที่ยกเลิกไม่ใช้กันแล้ว ให้จำเลยชำระหนี้ด้วยเงินสกุลที่ใช้แทนเงินฟรังก์ฝรั่งเคสที่มีมูลค่าเท่ากับจำนวนหนี้ต้นเงินฟรังก์ฝรั่งเศสพร้อมดอกเบี้ยดังกล่าวข้างต้นโดยคิดดอกเบี้ยถึงวันก่อนวันคำนวณเปลี่ยนจำนวนหนี้เงินฟรังก์ฝรั่งเศสเป็นเงินสกุลที่ใช้แทน ทั้งนี้ โดยการคำนวณเปลี่ยนจำนวนหนี้ต้นเงินและดอกเบี้ยที่เป็นเงินฟรังก์ฝรั่งเศสเป็นเงินสกุลที่ใช้แทนนั้นให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงิน ณ วันสุดท้ายที่มีอัตราแลกเปลี่ยนเงินฟรังก์ฝรั่งเศสเป็นเงินสกุลที่ใช้แทนที่สามารถแลกเปลี่ยนได้ในขณะหรือก่อนเวลาใช้เงินจริง และคิดดอกเบี้ยของต้นเงินที่เปลี่ยนเป็นเงินสกุลที่ใช้แทนนั้นนับแต่วันเปลี่ยนเงินดังกล่าวจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์เพื่อนำมาจำหน่ายในประเทศไทย โจทก์ได้จัดส่งสินค้าให้แก่จำเลยหลายรายการซึ่งจำเลยได้รับสินค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โจทก์ได้ส่งใบเรียกเก็บเงินค่าสินค้าและค่าขนส่งรวมเป็นเงินจำนวน 477,847 ฟรังก์ฝรั่งเศส แก่จำเลย แต่เมื่อครบกำหนดชำระเงินค่าสินค้าและค่าขนส่งแล้วจำเลยได้ชำระเงินให้โจทก์บางส่วน คงค้างชำระอยู่เป็นเงินจำนวน 257,047 ฟรังก์ฝรั่งเศส ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 314,512.85 ฟรังก์ฝรั่งเศส พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 257,047 ฟรังก์ฝรั่งเศส นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้องและบังคับโจทก์ชำระเงินแก่จำเลยจำนวน 161,000 ฟรังก์ฝรั่งเศส และให้โจทก์รับเอาสินค้านาฬิกาจำนวน 205 เรือน คืนไป
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 314,512.85 ฟรังก์ฝรั่งเศส พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 257,047 ฟรังก์ฝรั่งเศส นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 13 กรกฎาคม 2544) จนกว่าจะชำระเสร็จ หากชำระเป็นเงินบาทให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันฟ้อง ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 40,000 บาท ให้ยกฟ้องแย้ง
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ วินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยประการแรกว่า จำเลยค้างชำระราคาสินค้าแก่โจทก์จำนวนเท่าใด ตามพยานหลักฐานของโจทก์ได้ความว่า โจทก์ได้จัดส่งสินค้าให้แก่จำเลยหลายรายการ และได้ส่งใบเรียกเก็บเงินราคาสินค้ากับค่าขนส่งเป็นเงิน 477,847 ฟัรังก์ฝรั่งเศส จากจำเลย ซึ่งเมื่อครบกำหนดชำระแล้วจำเลยได้ชำระราคาสินค้าให้โจทก์บางส่วน คงค้างชำระอยู่เป็นเงิน 257,047 ฟรังก์ฝรั่งเศส ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์โต้แย้งว่า จำเลยได้ใช้จ่ายเงินในการโฆษณาไปจำนวน 273,715 ฟรังก์ฝรั่งเศส ซึ่งโจทก์ตกลงช่วยจ่ายค่าโฆษณากึ่งหนึ่ง แต่ไม่เกิน 190,000 ฟรังก์ฝรั่งเศส นั้น โจทก์นำสืบว่า จำเลยไม่ส่งหลักฐานแสดงค่าโฆษณาแก่โจทก์ตามที่โจกท์ทวงถาม และจำเลยมีนายศักดิ์ชัย ศรีรุ่งกิจสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยเบิกความว่า จำเลยได้ดำเนินการโฆษณาโดยแผ่นพับและลงโฆษณาในนิตยสารบางฉบับ และจำเลยได้ส่งใบเรียกเก็บเงินแก่โจทก์เป็นเงินจำนวน 273,715 ฟรังก์ฝรั่งเศส โดยในชั้นพิจารณานี้ไม่ปรากฏรายละเอียดและหลักฐานอื่นใดที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยได้จ่ายเงินไปเป็นจำนวนดังกล่าวนั้นจริง จึงเชื่อได้ว่า จำเลยมิได้นำส่งเอกสารหลักฐานรายละเอียดค่าใช้จ่ายการโฆษณาให้แก่โจทก์แต่อย่างใดพยานหลักฐานของจำเลยเลื่อนลอย ไม่อาจรับฟังข้อเท็จจริงได้ว่าจำเลยจ่ายเงินค่าโฆษณาจำนวนดังกล่าวและปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อตกลงกับโจทก์ครบถ้วนอันจะมีสิทธินำค่าโฆษณาจำนวนไม่เกิน 190,000 ฟรังก์ฝรั่งเศส มาหักจากราคาสินค้าที่ค้างชำระแก่โจทก์ได้ และที่จำเลยนำสืบโดยมีนายศักดิ์ชัยเป็นพยานเบิกความว่า… จำเลยยังคงมีหนี้ค้างชำระต่อโจทก์ 199,464 ฟรังก์ฝรั่งเศส เท่านั้น มิใช่ค้างชำระราคาสินค้าจำนวน 257,047 ฟรังก์ฝรั่งเศส ดังที่โจทก์นำสืบนั้น ได้ความจากนายแบร์นาร์ ลาฟง พยานโจทก์ว่า ยอดเงินจำนวน 199,464 ฟรังก์ฝรั่งเศส นั้น เป็นข้อเสนอของโจทก์ที่มีเงื่อนไขว่า โจทก์จะหักค่าใช้จ่ายในการโฆษณาสำหรับปี 2540 ให้จนเหลือเป็นยอดเงินดังกล่าวต่อเมื่อจำเลยส่งหลักฐานการใช้จ่ายค่าโฆษณาให้โจทก์ และจำเลยต้องชำระยอดเงินดังกล่าวแก่โจทก์ทันที แต่จำเลยมิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่งข้อเสนอดังกล่าวของโจทก์แต่อย่างใด ข้อเสนอดังกล่าวจึงไม่มีผลผูกพันโจทก์อีก โดยนายแบร์นาร์ ลาฟง เบิกความยืนยันต่อไปอีกว่า สัญญาระบุเงื่อนไขไว้ชัดเจนว่า จำเลยต้องจัดหาเอกสารหลักฐานค่าใช้จ่ายในการโฆษณาเพื่อขอรับการชำระค่าโฆษณาด้วย ไม่ใช่เงื่อนไขของโจทก์ฝ่ายเดียวดังอุทธรณ์ของจำเลยแต่อย่างใด พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาเชื่อมโยงกันอย่างมีเหตุผล จึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้ยิ่งกว่าพยานหลักฐานของจำเลย ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยปฏิบัติผิดเงื่อนไขข้อตกลงในการนำค่าใช้จ่ายในการโฆษณามาหักชำระราคาสินค้าที่ค้างชำระแก่โจทก์ จำเลยจึงไม่มีสิทธิหักค่าโฆษณาออกจากค่าสินค้าที่ค้างชำระและยังคงเป็นหนี้ค้างชำระราคาสินค้าตามจำนวนที่คิดคำนวณไว้ก่อนมีข้อเสนอของโจทก์ที่จะยอมให้หักค่าโฆษณา คือ จำนวน 257,047 ฟรังก์ฝรั่งเศส มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยประการต่อไปว่า จำเลยมีสิทธิคืนและขอรับชำระราคาสินค้าคงเหลือจากโจทก์หรือไม่ จากพยานหลักฐานของจำเลยได้ความจากนายศักดิ์ชัยว่าจำเลยยังไม่ได้คืนนาฬิกาจำนวน 205 เรือน แก่โจทก์ เพราะกรมศุลกากรประเทศไทยแจ้งว่า ต้องถอดถ่านนาฬิกาออกก่อนส่งไปต่างประเทศ และโจทก์ปฏิเสธการรับคืนโดยไม่มีหลักฐานการปฏิเสธของโจทก์ นายแบร์นาร์ ลาฟง พยานโจทก์เบิกความว่าไม่ทราบถึงการปฏิเสธการรับคืนนาฬิกา และยืนยันว่า หากในขณะนั้นจำเลยส่งนาฬิกาคืนโจทก์จะรับไว้ เพราะเป็นข้อเสนอของโจทก์ แต่มีเงื่อนไขว่า จำเลยต้องชำระราคาสินค้าส่วนที่เหลือภายใน 30 วัน ด้วย แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข และพยานหลักฐานของจำเลยไม่ได้ความว่าจำเลยได้ขอชำระราคาสินค้าคงเหลือตามเงื่อนไขนั้นแก่โจทก์ด้วยแต่อย่างใด โดยนาฬิกาจำนวนดังกล่าวยังอยู่ในครอบครองของจำเลยตลอดมาจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องคดีเป็นเวลาประมาณ 4 ปี และไม่ได้ความว่าจำเลยได้ดำเนินการอื่นใดอีกเพื่อคืนนาฬิกาหรือชำระราคาสินค้าที่ค้างชำระแก่โจทก์ จึงฟังได้ว่าจำเลยปฏิบัติผิดเงื่อนไขข้อตกลงในการคืนนาฬิกาอีกเช่นกัน จำเลยจึงไม่มีสิทธิคืนและขอรับชำระราคาสินค้าคงเหลือจากโจทก์ตามคำฟ้องแย้งของจำเลย ส่วนปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยประการสุดท้ายว่า ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางกำหนดให้จำเลยใช้ค่าทนายความแทนโจทก์เป็นเงินจำนวน 40,000 บาท สูงเกินไปหรือไม่นั้น เห็นว่า แม้คดีนี้จะมีการสืบพยานบุคคลของโจทก์และจำเลยเพียงฝ่ายละ 1 ปาก แต่คดีนี้จำเลยได้ฟ้องแย้งไว้ด้วย คดีมีทุนทรัพย์ตามคำฟ้องจำนวน 1,883,931.97 บาท และทุนทรัพย์ตามคำฟ้องแย้งจำนวน 994,076.66 บาท ศาลมีอำนาจกำหนดค่าทนายความตามอัตราค่าทนายความตามตาราง 6 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ขั้นสูงร้อยละ 5 ของทุนทรัพย์ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางกำหนดค่าทนายความจำนวน 40,000 บาท นั้น ต่ำกว่าจำนวนค่าทนายความขั้นสูงร้อยละ 5 และไม่ถือว่าสูงเกินไป ไม่มีเหตุที่ควรแก้ไขแต่อย่างใด ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง อุทธรณ์ของจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง คดีนี้โจทก์มีคำขอบังคับให้จำเลยชำระหนี้เป็นเงินต่างประเทศเป็นต้นเงินจำนวน 257,047 ฟรังก์ฝรั่งเศส กับดอกเบี้ย ซึ่งหากจำเลยจะชำระหนี้เป็นเงินไทยก็ได้ แต่การเปลี่ยนเงินต้องใช้อัตราแลกเปลี่ยน ณ สถานที่และเวลาใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 196 วรรคสอง อันจะมีผลให้ในขณะที่จำเลยชำระเงินหรือมีการบังคับคดีเพื่อให้ได้เงินมาชำระหนี้แก่โจทก์เป็นเงินบาทนั้นจำนวนเงินบาทที่มีการนำมาชำระดังกล่าวสามารถแลกกลับเป็นเงินต่างประเทศในขณะนั้นได้เท่ากับจำนวนเงินตามคำขอบังคับท้ายคำฟ้องของโจทก์ แต่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้พิพากษากำหนดให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยนในวันฟ้อง ซึ่งหากอัตราแลกเปลี่ยนในวันฟ้อง เงิน 1 ฟรังก์ฝรั่งเศส แลกเป็นเงินบาทได้เป็นจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินบาทตามอัตราแลกเปลี่ยนในเวลาชำระเงินจริง ก็จะมีผลให้จำเลยต้องชำระหนี้ด้วยเงินบาทตามคำพิพากษาดังกล่าวสูงกว่าจำนวนเงินบาทที่ควรต้องชำระในขณะใช้เงินจริง ซึ่งจะมีผลให้จำนวนเงินบาทที่ชำระโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามคำพิพากษานี้ แลกกลับเป็นเงินฟรังก์ฝรั่งเศสในขณะที่มีการชำระหนี้จริงสูงกว่าจำนวนเงินฟังก์ฝรั่งเศสตามคำขอบังคับของโจทก์ จึงเท่ากับเป็นการพิพากษานอกเหนือหรือเกินไปกว่าคำฟ้อง จึงไม่ชอบ และเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยแก้ไขให้ถูกต้อง ทั้งนี้โดยต้องไม่ทำให้จำเลยต้องรับผิดเกินกว่าคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเนื่องจากโจทก์มิได้อุทธรณ์ และเนื่องจากหนี้เงินต่างประเทศสกุลฟรังก์ฝรั่งเศสที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยชำระแก่โจทก์ตามคำฟ้องเป็นเงินตราของประเทศสาธารณรัฐฝรังเศส ซึ่งอยู่ในทวีปยุโรปที่มีการจัดตั้งสหภาพยุโรปซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงสกุลเงินที่ใช้ในประเทศดังกล่าว จึงเห็นสมควรกำหนดวิธีการคิดคำนวณมูลค่าเงินไว้เพื่อความสะดวกในการบังคับคดีด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์เป็นเงินจำนวน 314,512.85 ฟรังก์ฝรั่งเศส พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 257,047 ฟรังก์ฝรั่งเศส นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 13 กรกฎาคม 2544) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยหากจำเลยจะชำระหนี้เงินฟรังก์ฝรั่งเศสเป็นเงินบาทให้ชำระด้วยเงินบาทที่คิดคำนวณโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินฟรังก์ฝรั่งเศสเป็นเงินบาท ณ สถานที่และเวลาใช้เงินจริง แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินจำนวนที่คิดโดยอัตราแลกเปลี่ยนเงินในวันฟ้องตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง แต่หากในเวลาใช้เงินจริงนั้นเงินฟรังก์ฝรั่งเศสเป็นเงินตราชนิดที่ยกเลิกไม่ใช้กันแล้วให้จำเลยชำระหนี้ด้วยเงินสกุลที่ใช้แทนเงินฟรังก์ฝรั่งเศสที่มีมูลค่าเท่ากับจำนวนหนี้ต้นเงินฟรังก์ฝรั่งเศสพร้อมดอกเบี้ยดังกล่าวข้างต้นโดยคิดดอกเบี้ยถึงวันก่อนวันคำนวณเปลี่ยนจำนวนหนี้เงินฟรังก์ฝรั่งเศสเป็นเงินสกุลที่ใช้แทน ทั้งนี้ โดยการคำนวณเปลี่ยนจำนวนหนี้ต้นเงินและดอกเบี้ยที่เป็นเงินฟรังก์ฝรั่งเศสเป็นเงินสกุลที่ใช้แทนนั้นให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงิน ณ วันสุดท้ายที่มีอัตราแลกเปลี่ยนเงินฟรังก์ฝรั่งเศสเป็นเงินสกุลที่ใช้แทนที่สามารถแลกเปลี่ยนได้ในขณะหรือก่อนเวลาใช้เงินจริงและคิดดอกเบี้ยของต้นเงินที่เปลี่ยนเป็นเงินสกุลที่ใช้แทนนั้นนับแต่วันเปลี่ยนเงินดังกล่าวจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์ และในกรณีนี้หากจำเลยจะชำระด้วยเงินไทยก็ให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลที่ใช้แทนเงินฟรังก์ฝรั่งเศสนั้นเป็นเงินบาท ณ สถานที่และเวลาใช้เงินจริง แต่จำนวนเงินบาทดังกล่าวต้องไม่เกินจำนวนที่คิดโดยอัตราแลกเปลี่ยนเงินตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

Share