คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2484

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กฎหมายสันนิษฐานว่า คูซึ่งอยู่ระหว่างที่ดินนั้นเจ้าของที่ดินที่ติดต่อกันนั้นเป็นเจ้าของคนละครึ่ง

ย่อยาว

ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์ จำเลยมีที่ดินติดต่อกัน มีคูเป็นเขตต์คั่นกลาง โจทก์ว่าเขตต์ที่ของโจทก์ถึงกึ่งกลางคู ฝ่ายจำเลยว่าคูนั้นเป็นของจำเลย ได้ใช้สิทธิครอบครองมาช้านาน.
ศาลชั้นต้นฟังว่าเขตต์ที่ดินของโจทก์ยังมีอยู่ตามหน้าโฉนดของโจทก์คือกึ่งกลางคู หรือลำกระโดงรายพิพาทนี้ จึงพิพากษาห้ามมิให้จำเลยขัดขวางในการที่โจทก์นำเจ้าพนักงานปักหลักหรือหมายเขตต์ที่ดินของโจทก์ถึงกลางหรือลำกระโดงรายนี้อีกต่อไป.
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าคูรายพิพาทนี้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจครอบครองเป็นเจ้าของฝ่ายเดียวเป็นเวลากว่า ๒๐ ปี ฝ่ายโจทก์สืบไม่สม ฉะนั้นโจทก์จะขอให้ห้ามจำเลยมิได้ จึงพิพากษากลับ.
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ปรากฏตามเอกสารและคำคู่ความว่ามีคูเป็นเขตต์อยู่กลางระหว่างที่โจทก์จำเลยเมื่อสภาพเป็นดั่งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งมาตรา ๑๓๔๔ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า เจ้าของที่ดินทั้ง ๒ ข้างคูเป็นเจ้าของรวมกันเมื่อกฎหมายสันนิษฐานไว้ดังนี้แล้ว เป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะนำสืบลบล้างความสันนิษฐานแต่ในคดีนี้โจทก์กลับเป็นฝ่ายนำสืบก่อน จำเลยนำสืบภายหลังตามข้อกล่าวอ้างของตน เมื่อจำเลยนำสืบไม่สมข้อต่อสู้ ก็ย่อมต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีโจทก์ จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share