คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 197/2525

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยไม่เคยมีภรรยา ได้รักใคร่ชอบพอกับผู้เสียหายผู้เสียหายหนีบิดามาอยู่กับจำเลยโดยสมัครใจเป็นเวลาประมาณ6 เดือน แล้วจึงกลับไปอยู่กับบิดาเนื่องจากถูกมารดาจำเลยขับไล่มิใช่เพราะถูกจำเลยทอดทิ้ง หลังจากนั้นบิดาผู้เสียหายไปแจ้งความดำเนินคดีกับจำเลยข้อหาพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร จำเลยส่งญาติผู้ใหญ่ไปทำพิธีขอขมา บิดาผู้เสียหายยอมรับการขอขมาและยอมรับว่าจำเลยเป็นบุตรเขย จำเลยอยู่บ้านผู้เสียหายหนึ่งคืนแล้วออกจากบ้านผู้เสียหายไปทำนาที่จังหวัดนครปฐมและไม่กลับไปหาผู้เสียหายอีกเลย ผู้เสียหายเองก็ไม่ต้องการกลับไปอยู่กินกับจำเลยที่บ้านของจำเลย พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยพาผู้เสียหายไปเพื่อเป็นภรรยาหาใช่เพื่อการอนาจารไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 จำคุก 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงในคดีนี้ว่า ผู้เสียหายมีความรักใคร่กับจำเลยมาก่อนและผู้เสียหายเต็มใจไปด้วยกับจำเลย การกระทำของจำเลยขาดองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 แต่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 โจทก์มิได้อุทธรณ์ คงอุทธรณ์เฉพาะจำเลยฝ่ายเดียว และศาลอุทธรณ์ก็ฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลชั้นต้น แต่เห็นว่าจำเลยยังไม่มีความผิดเพราะมิใช่เป็นการพรากผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจาร ข้อเท็จจริงจึงฟังเป็นยุติได้ว่าผู้เสียหายกับจำเลยรักใคร่ชอบพอกันมาก่อน ในคืนเกิดเหตุผู้เสียหายออกจากบ้านไปชมภาพยนตร์ที่วัดทุ่งยาวแล้วลักลอบหนีบิดามาอยู่กับจำเลยโดยสมัครใจ ปรากฏว่า จำเลยไม่เคยมีภรรยามาก่อน จำเลยพาผู้เสียหายไปพักอยู่บ้านต้นสำโรง จังหวัดนครปฐม เป็นเวลาถึง 2 เดือน แล้วพากันกลับไปอยู่บ้านจำเลยอีกประมาณ 4 เดือน ผู้เสียหายจึงกลับไปอยู่บ้านของตน ขณะนั้นผู้เสียหายตั้งครรภ์ได้ประมาณ 2 เดือน การที่ผู้เสียหายกลับมาอยู่กับบิดาก็เนื่องจากถูกมารดาของจำเลยขับไล่ มิใช่เป็นเพราะถูกจำเลยทอดทิ้งแต่อย่างใด หลังจากนั้นบิดาผู้เสียหายได้แจ้งความดำเนินคดีแก่จำเลยในข้อหาพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร จำเลยจัดส่งญาติผู้ใหญ่มาติดต่อทำพิธีขอขมาบิดาผู้เสียหายโดยมอบเงินให้ 1,600 บาท พร้อมดอกไม้ธูปเทียน บิดาผู้เสียหายยอมรับการขอขมาและยอมรับว่าจำเลยเป็นบุตรเขย ขอขมาบิดาผู้เสียหายแล้วจำเลยอยู่บ้านผู้เสียหายคืนหนึ่ง วันรุ่งขึ้นจำเลยออกจากบ้านผู้เสียหายไปทำนาที่อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม และไม่กลับมาอีก บิดาผู้เสียหายเบิกความว่าจำเลยเพิ่งมีภรรยาใหม่ จึงแจ้งความดำเนินคดีแก่จำเลย ข้อที่ว่าจำเลยมีภรรยาใหม่เป็นเพียงคำเบิกความลอย ๆ ของบิดาผู้เสียหาย ส่วนผู้เสียหายมิได้เบิกความยืนยันในเรื่องนี้ประการใด ข้อเท็จจริงยังไม่น่าเชื่อถือ ระหว่างที่จำเลยทำนาอยู่ที่อำเภอบางเลน ผู้เสียหายมีจดหมายถึงจำเลยตามเอกสารหมาย จ.2 ข้อความในจดหมายตอนหนึ่งระบุว่า เป็นตายอย่างไร ผู้เสียหายก็ไม่ขอไปอยู่บ้านจำเลยอีก แสดงว่าผู้เสียหายเองก็ไม่ต้องการที่จะกลับไปอยู่กินกับจำเลยที่บ้านของจำเลย การที่จำเลยไม่ได้พาผู้เสียหายไปด้วย จึงถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดของจำเลยฝ่ายเดียว พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวแสดงว่าจำเลยพาผู้เสียหายไปเพื่อเป็นภรรยาหาใช่เพื่อการอนาจารแต่อย่างใดไม่ จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319”

พิพากษายืน

Share