แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน โจทก์กลับบรรยายฟ้องว่า ความจริงจำเลยกับพวกมิได้มีความสามารถในการจัดหางานให้แก่ผู้เสียหายและประชาชนดังที่โฆษณากล่าวอ้างเลยแสดงว่าจำเลยกับพวกมิได้มีเจตนาจัดหางานให้แก่คนหางานแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ.2528 มาตรา 30, 82
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตและฐานฉ้อโกงประชาชน ตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.๒๕๒๘ มาตรา ๓๐, ๘๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๙๑,๓๔๑, ๓๔๓ ให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้เงินจำนวน ๑๒๐,๐๐๐ บาท แก่ผู้เสียหายทั้งหมดด้วย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยที่ ๒ ถึงแก่กรรม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ ๒
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๑, ๓๔๓ พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.๒๕๒๘ มาตรา ๓๐, ๘๒ฐานฉ้อโกงให้ลงโทษตามมาตรา ๓๔๓ ซึ่งเป็นบทหนัก ให้จำคุก ๒ ปี ฐานจัดหางานให้คนหางานไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก ๓ ปี รวมจำคุก ๕ ปี คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ ๑ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๓ ปี ๔ เดือน ให้จำเลยที่ ๑ ร่วมกันคืนหรือใช้เงิน ๑๒๐,๐๐๐ บาทแก่ผู้เสียหายทั้งสี่
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๑, ๘๓ จำคุก ๖ เดือน ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาขึ้นมาสู่ศาลฎีกาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.๒๕๒๘ มาตรา ๓๐, ๘๒ หรือไม่ เห็นว่าตามคำฟ้องข้อ (๑) (ข) ในข้อหาความผิดฐานจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันจัดหางานให้แก่คนหางานที่ต้องการจะเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ โดยเรียกและรับเงินค่าบริการ ค่าตอบแทนการจัดหางาน โดยมิได้รับอนุญาตจัดหางานจากนายทะเบียนตามกฎหมาย อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานให้คนหางานด้วย จึงจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙ ประกอบด้วยมาตรา ๑๗ แต่ตามคำฟ้องข้อ (๑๒) (ก) ในข้อหาความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑, ๓๔๓ นั้น โจทก์กลับบรรยายฟ้องว่า ความจริงจำเลยกับพวกมิได้จัดตั้งบริษัทเขลวงค์ จำกัด ขึ้นจริงจังแต่อย่างใด เพียงกล่าวอ้างขึ้นเพื่อหลอกลวงประชาชน ทั้งจำเลยกับพวกไม่มีความสามารถในการจัดหางานให้แก่ผู้เสียหายและประชาชนดังที่โฆษณากล่าวอ้างเลย แสดงว่าจำเลยที่ ๑ กับพวกมิได้มีเจตนาจัดหางานให้แก่คนหางานแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยที่ ๑ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ.๒๕๒๘ มาตรา ๓๐, ๘๒
พิพากษายืน.