แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
วันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก โจทก์ขอเลื่อนคดีอ้างเหตุตัวโจทก์ป่วย ในวันนัดที่สองคู่ความขอเลื่อนอ้างว่าคดีมีทางตกลงกันได้ศาลอนุญาตโดยมีคำสั่งกำชับว่านัดหน้าหากตกลงกันไม่ได้ให้โจทก์เตรียมพยานมาให้พร้อมสืบ และโจทก์ไม่ได้แถลงต่อศาลว่าโจทก์มีนัดอยู่ก่อนแล้วไม่อาจมาศาลในวันนัดได้ เมื่อถึงวันนัดโจทก์ ขอเลื่อนคดีอีกอ้างว่ามีกิจธุระซึ่งนัดไว้ก่อนแล้ว ทั้งไม่นำ พยาน ปาก อื่นมาสืบ แสดงให้เห็นว่าโจทก์ไม่นำพาต่อคำสั่งศาล ดังกล่าว พฤติการณ์ถือได้ว่าโจทก์ประวิงคดี ศาลมีอำนาจงดสืบพยาน โจทก์ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามกับพวกร่วมกันทำนิติกรรมฉ้อฉลโจทก์ขอให้เพิกถอนนิติกรรมดังกล่าว
จำเลยทั้งสามให้การว่า ไม่ได้ทำนิติกรรมอันเป็นการฉ้อฉลโจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ในระหว่างพิจารณาสืบพยานโจทก์ โจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีศาลชั้นต้นสั่งว่าไม่มีเหตุที่จะให้เลื่อนการสืบพยานโจทก์ จึงถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ให้งดสืบพยานโจทก์ยกคำร้องขอเลื่อน
จำเลยทั้งสามแถลงไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และเพิกถอนคำสั่งที่ไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดี ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยใหม่ แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอเลื่อนคดีของโจทก์โดยถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบแล้วพิพากษายกฟ้องนั้นชอบหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความจากรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2529 อันเป็นวันสืบพยานโจทก์นัดแรกว่า โจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีเพราะตัวโจทก์ที่จะเบิกความในนัดนี้ป่วยศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 19 มกราคม 2530 เวลา 9 นาฬิกา เมื่อถึงวันนัด ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 19 มกราคม 2530 ว่าคู่ความแถลงว่าคดีมีทางตกลงกันได้ขอเลื่อนการสืบพยานไปอีกนัดศาลชั้นต้นให้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2530เวลา 9 นาฬิกา โดยกำชับด้วยว่า นัดหน้าหากตกลงกันไม่ได้ ให้โจทก์เตรียมพยานมาให้พร้อม ครั้นถึงวันนัดทนายโจทก์มอบอำนาจให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดี อ้างเหตุว่า โจทก์ซึ่งจะต้องเบิกความในวันนัดนี้ติดธุระต้องไปติดต่อธุรกิจที่เมืองฮ่องกง ซึ่งได้นัดหมายไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว ขอเลื่อนการพิจารณาคดีออกไปอีก จำเลยทั้งสามรับสำเนาคำร้องแล้วแถลงคัดค้านว่า โจทก์ไม่ได้เตรียมพยานมาสืบเลยทั้งที่ศาลได้กำชับไว้ก่อนแล้ว จำเลยเคยไปติดต่อกับโจทก์เพื่อเจรจาประนีประนอมกัน แต่ตัวโจทก์บ่ายเบี่ยงตลอดมา ขอให้งดสืบพยานโจทก์ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่า หลังจากโจทก์ขอเลื่อนคดีมาครั้งหนึ่งแล้วก็ขอเลื่อนคดีอีก อ้างว่าโจทก์จำเลยจะตกลงกันได้โดยโจทก์ขอไปปรึกษาภริยาก่อน ศาลจึงอนุญาตให้เลื่อนโดยกำชับโจทก์ไว้แล้วว่าหากตกลงกันไม่ได้ให้โจทก์เตรียมพยานมาให้พร้อม แต่โจทก์ก็มาขอเลื่อนคดีอีก โดยอ้างว่าจะต้องเดินทางไปต่างประเทศซึ่งได้นัดหมายไว้ก่อนแล้ว โดยในนัดก่อนโจทก์ไม่เคยแจ้งแก่ศาลว่าจะต้องเดินทางไปต่างประเทศตามที่ได้นัดหมายไว้ก่อนแต่อย่างใด และถึงแม้ว่าตัวโจทก์จะต้องเดินทางไปต่างประเทศจริง ก็ชอบที่จะนำพยานอื่นมาสืบไปก่อนได้ แต่โจทก์ก็ไม่ได้เตรียมพยานอื่นมาเลย ทั้งทนายโจทก์ก็ไม่มาศาล พฤติการณ์ของโจทก์ดังกล่าวมีลักษณะเป็นการประวิงคดีไม่มีเหตุที่จะให้เลื่อนการสืบพยานโจทก์ ถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบให้งดสืบพยานโจทก์ แล้วให้นัดสืบพยานจำเลย ต่อมาจำเลยทั้งสามแถลงไม่ติดใจสืบพยาน จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์เมื่อวันที่3 เมษายน 2530
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้มีการขอเลื่อนคดีสามครั้ง ครั้งแรกในวันนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 8 ธันวาคม 2529 โจทก์ขอเลื่อนอ้างว่าตัวโจทก์ป่วย ศาลชั้นต้นจึงอนุญาตให้เลื่อนไปตามที่โจทก์ขอในนัดต่อมาวันที่ 19 มกราคม 2530 คู่ความแถลงว่าคดีมีทางตกลงกันได้ขอเลื่อนคดีไปอีกนัด ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2530 เวลา 9 นาฬิกา ครั้นถึงวันนัดโจทก์ขอเลื่อนอีกโดยอ้างว่าตัวโจทก์ติดธุระต้องไปติดต่อธุรกิจที่เมืองฮ่องกงซึ่งได้นัดหมายไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว เห็นว่า ในการอนุญาตให้เลื่อนในครั้งที่สองเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2530 นั้นศาลชั้นต้นได้กำชับไว้แล้วว่านัดหน้าหากตกลงกันไม่ได้ให้โจทก์เตรียมพยานมาให้พร้อมปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ดังกล่าว ไม่ปรากฏว่าโจทก์แถลงให้ศาลทราบว่าโจทก์มีนัดธุรกิจใด ๆ อยู่ก่อน อันไม่อาจมาศาลในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2530 ซึ่งเป็นวันนัด และหากมีนัดธุรกิจอยู่ก่อนจริงก็ชอบที่จะขอให้ศาลนัดไปวันอื่นอันไม่ตรงกับวันนัดที่ศาลกำหนดดังกล่าวแล้วได้ แสดงว่า โจทก์มิได้มีกิจธุระในวันดังกล่าว ที่โจทก์มาอ้างภายหลังเมื่อถึงวันนัดที่ 26กุมภาพันธ์ 2530 ว่า มีกิจธุระซึ่งนัดไว้ก่อนแล้วจึงเป็นข้ออ้างที่ไม่อาจรับฟังได้ นอกจากนี้แม้ตัวโจทก์จะไม่มาศาลก็ยังมีพยานปากอื่นที่โจทก์สามารถนำมาสืบในวันนัดได้แต่โจทก์ก็ไม่เตรียมมาแสดงว่าโจทก์มิได้นำพาต่อคำสั่งของศาลที่กำชับให้โจทก์เตรียมพยานมาให้พร้อม พฤติการณ์แสดงว่าโจทก์ประวิงคดีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ประวิงคดี และถือว่าไม่มีพยานมาสืบ จึงให้งดสืบพยานโจทก์และมีคำพิพากษานั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน.